"หมอประสิทธิ์" ชี้ จับตาหลังสงกรานต์ 2565 จุดเปลี่ยนโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น
วันนี้ (22 มี.ค.65) ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ระบุว่า สงกรานต์ปีนี้ไม่ได้ห้ามคนเดินทาง ทุกคนสามารถกลับบ้านไปหาครอบครัวได้ แต่ขอให้เน้นย้ำการดูแลป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยก่อนกลับบ้าน เนื่องจากไม่อยากให้บุคคลที่จะกลับบ้านนำเชื้อไปแพร่ให้กับคนที่บ้าน และการฉีดวัคซีนโควิดให้ครบตามเกณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 และเข็มกระตุ้น
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะเพิ่มขึ้นได้ แต่ไม่อยากเห็นอัตราการเสียชีวิตและผู้ป่วยหนักที่เพิ่มขึ้น
จากข้อมูลในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลข ผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 เฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 50-60 คือผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด และร้อยละ 30 เป็นผู้ที่ รับวัคซีนโควิด-19 เพียง 2 เข็ม โดย เข็มที่ 2 เกิน 3 เดือนแล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมา ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดร้อยละ 80 ถึงร้อยละ 95 คือ กลุ่ม 608
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า ถ้าอยากให้สงกรานต์นี้ เป็นไปด้วยความสุข รวมถึงหลังสงกรานต์ด้วย ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการเชิญชวนให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เข้ารับวัคซีนโควิด และผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วให้เข้ารับเข็ม 3 หากครบตามเกณฑ์ระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ปัจจัยที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรง มีอยู่ 2 ปัจจัย คือ มาจากตัวไวรัส และการฉีดวัคซีนโควิดจำนวนมาก ที่ทำให้ไวรัสก่อความรุนแรงน้อยลง
ย้ำ คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด ถือว่ายังมีความเสี่ยงกับโควิดถึงแม้จะเป็นสายพันธุ์โอมิครอน
ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 3 เข็มเบื้องต้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกนโยบายมาแล้ว ผู้ที่ฉีดเข็มที่ 3 เกิน 4 เดือน ขอให้เข้ารับวัคซีนเข็มที่ 4
หากทุกคนช่วยกัน ป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย หรืออาการเจ็บป่วยรุนแรง เชื่อว่าสงกรานต์นี้ ถึงแม้สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะขึ้น แต่ความรุนแรงในจำนวนผู้เสียชีวิตจะไม่ขึ้นมาก
โดย หลังสงกรานต์นี้จะเป็นจุดเปลี่ยน โควิด-19 ว่าประเทศไทยจะพร้อมหรือไม่ ในการเข้าสู่โรคประจำถิ่น หากเราผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนเข้าใจวิถีชีวิตแบบใหม่ ป้องกันตัวเองมากขึ้น สัดส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันของคนไทยจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้คนไทยส่สนหนึ่งมีภูมิคุ้มกัน กับอีกส่วน คือประชาชนที่หายจากการติดเชื้อโควิค 19 ที่ผ่านมาก็จะมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ยังได้แนะนำก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการที่เข้าข่าย ขอให้ตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเองก่อน เพื่อให้แน่ใจและมีความปลอดภัยมากที่สุด
รวมถึงการใส่หน้ากากอนามัยที่ยังอยากให้ทุกคนใส่อยู่ให้เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของการใส่เสื้อผ้า เนื่องจากมีข้อมูล ที่ชัดเจน ถึงประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยง ตั้งแต่ทั่วโลกมีการใส่หน้ากากอนามัย ไข้หวัดธรรมดาน้อยลงรวมถึงโรคติดต่ออื่นๆด้วย
ทั้งนี้ มี 4 จุดเสี่ยงที่ยังต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ บุคคลเสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง สถานที่เสี่ยง และช่วงเวลาเสี่ยง สถานการณ์ในประเทศตอนนี้ได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น เพื่อเดินหน้าความเป็นอยู่และเศรษฐกิจในหลายด้าน
แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือ คนเสี่ยง เนื่องจาก ช่วงเวลาเสี่ยงที่ใกล้จะมาถึง คือในช่วงสงกรานต์ หากจำได้ปีที่แล้วหลังสงกรานต์ ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ซึ่งขณะนั้นยังคงเป็นสายพันธุ์เดลต้า แต่จุดต่างของปีที่แล้วกับปีนี้ คือ มีวัคซีน
และขณะนี้โควิด เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ไม่ใช่สายพันธุ์ที่มีความรุนแรงเหมือนสายพันธุ์โควิด-19 ปีที่แล้ว รวมถึงเราผ่านจุดทดสอบในช่วงเทศกาลต่างๆ มาแล้ว เช่น ช่วงปีใหม่ ที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อยังคงทรงตัว แต่มาเริ่มขึ้นหลังช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็เชื่อว่าสงกรานต์ปีนี้หากทุกคนช่วยกัน เราก็ผ่านบททดสอบไปได้.
ภาพจาก AFP