รีเซต

“Longevity” คือการอยู่อย่างมีความหมาย - รวิศ หาญอุตสาหะ กับ 3 ปัจจัยชีวิตยืนยาวที่ขึ้นอยู่กับตัวเอง

“Longevity” คือการอยู่อย่างมีความหมาย - รวิศ หาญอุตสาหะ กับ 3 ปัจจัยชีวิตยืนยาวที่ขึ้นอยู่กับตัวเอง
TNN ช่อง16
9 ตุลาคม 2568 ( 17:55 )
8

ในเดือนสองเดือนที่ผ่านมา คำว่า Longevity หรือการมีชีวิตที่ยืนยาว เป็นคำใหม่ที่เป็นไวรัลในสังคม แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเมกะเทรนด์ (Megatrend) หรือกระแสระดับโลก

และหนึ่งในนักธุรกิจ / อินฟลูเอนเซอร์ ที่พูดถึงเรื่อง Longevity ไว้อย่างน่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา ก็คือคุณรวิศ หาญอุตสาหะ CEO ของแบรนด์ศรีจันทร์ และ Mission To The Moon 

ในโอกาสพิเศษที่ TNN Tech จัดงาน TNN Tech Forum 2025: Designing Your Longevity ให้เทคโนโลยีออกแบบชีวิตคุณ ก็ได้รับเกียรติจากคุณรวิศ มาพูดในเวทีนี้ด้วยเช่นกัน


เทคโนโลยี หนทางสู่ Longevity 

คุณรวิศเริ่มจากการเล่าว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้มนุษย์ตั้งคำถามว่าจะอยู่ให้ยาวนานขึ้นได้ไหม ซึ่งคุณรวิศเชื่อว่า Longevity คือ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ Extend Life หรือยืดอายุให้นานขึ้น และ Extend health คือการยืดระยะเวลาที่ยังใช้ชีวิตได้ปกติให้นานขึ้น

และเพื่อ Extend ได้ทั้ง 2 อย่าง เทรนด์ของโลกจึงสะท้อนออกมาเป็นความพยายามในการยืดระยะเวลาการเกษียณ “ลองนึกดูว่าถ้าเราเกษียณ 60 ปี แล้วอยู่ได้ 100 ปี อีก 40 ปี จะเอาเงินจากไหนมาใช้ขีวิต” ดังนั้น Longevity จึงต้องนึกถึงการมีเงินด้วยเช่นกัน

แต่ Longevity ที่แท้จริงคือวิธีคิด

แต่ใจความสำคัญของสิ่งที่คุณรวิศอยากจะเล่าก็คือ “Longevity ไม่ใช่การรักษา แต่ว่าคือทัศนคติ” เช่น การตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเราอยู่ได้ถึง 100 ปี เราจะใช้เวลาที่เหลืออย่างไร เราอยากมีชีวิตแบบไหน ซึ่งถ้าตั้งคำถามได้ดี เราจะมีชีวิตที่ดี ป่วยได้น้อยลง และอยู่ได้ยาวนานอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่การใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างทรมาน

Level of Longevity

คุณรวิศอธิบายว่า Longevity ไม่ได้มีแต่เรื่องที่ต้องรวยก่อนถึงจะทำได้แบบที่เป็นดราม่าช่วงหนึ่งในโซเชียล ซึ่งคุณรวิศสรุปมาเป็น 5 ระดับ ดังนี้


ระดับ (Level)

ลักษณะ

ตัวอย่าง

Level 1: Lifestyle

วิถีชีวิตและพฤติกรรมประจำวัน 

  • อาหาร (หลีกเลี่ยง UPF)

  • ออกกำลังกาย (Cardio, HIIT, Weight Training)

  • การนอนแบบ Circadian Rhythm 

  • การจัดการความเครียด

  • หลีกเลี่ยงสารพิษและ PM 2.5

Level 2: Longevity Biomarker

การตรวจวัดค่าทางชีวภาพเพื่อวางแผนเฉพาะบุคคล

  • Genetic Test

  • Epigenetic Test

  • Metabolic Test

  • ตรวจฮอร์โมน

  • ตรวจสุขภาพลำไส้ (Microbiome)

Level 3: Longevity Supplements

การรับประทานอาหารเสริมหรือฮอร์โมน

  • NMN

  • Spermidine

  • Taurine

  • GlyNAC

Level 4: Longevity Intervention

การรักษาหรือกิจกรรมที่ก้าวหน้าขึ้น

  • IV Therapy

  • Hyperbaric Oxygen Therapy

  • Sauna

  • Photobiomodulation (Red Light)

  • Ice bath (แช่น้ำแข็ง)

Level 5: Longevity Biohacking 

Research

การวิจัยหรือเทคโนโลยีขั้นสูงมาก

  • Epigenetic Reprogramming

  • Plasma Exchange


โดยระดับที่สำคัญที่สุดคือระดับที่ 1 เพราะต่อจะให้ทำถึงระดับที่ 5 แต่ละเลยหรือไม่ปฏิบัติตัวในระดับแรก ประโยชน์ที่ได้ก็มีน้อยมาก


Longevity Level 1: 3 ปัจจัยชีวิตยืนยาวที่ขึ้นอยู่กับตัวเอง

อาหาร (Nutrition)

  • หลีกเลี่ยงอาหารแบบ Ultra-Processed Foods (UPF): คุณรวิศมองว่า อาหารเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นหลังสงครามโลก (ประมาณปี 1940) และร่างกายมนุษย์ไม่คุ้นเคยกับสารเคมีเหล่านี้ ยิ่งกินยิ่งติดเหมือนสารเสพติด และไม่ดีต่อร่างกาย

  • เน้นอาหารที่แท้จริง หรือก็คือกินในสิ่งที่เราคุ้นเคย และเป็นสิ่งที่ถ้าสมมติไปถามมนุษย์ถ้ำแล้วรู้จัก ก็คือสิ่งที่คุณรวิศเชื่อว่าเป็นอาหารที่แท้จริง “ไก่เป็นไก่ ผักเป็นผัก ข้าวเป็นข้าว”

  • ความสม่ำเสมอชนะทุกอย่าง ควรเลือกรูปแบบอาหารที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องและไม่ฝืนมากเกินไป

  • เวลาการกิน พยายามกินทุกอย่างให้เสร็จก่อนนอน 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้การนอนดีขึ้น

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ถ้าตามหลัก Longevity จริง ๆ แล้วก็คือให้งด “แต่ถ้าอยากกิน หมอที่ผมรู้จักก็บอกไม่เกิน 2 แก้ว หรือถ้าไวน์ดีมาก ๆ ก็แถมไปอีกแก้ว”

  • กินสารอาหารเสริมในบางกรณี เช่น วิตามินดี (คนไทยส่วนใหญ่มักขาด), แมกนีเซียม (ช่วยเรื่องการนอน), และเวย์โปรตีน ในกรณีขาดโปรตีน โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย (Exercise)

คุณรวิศมองว่า การออกกำลังกายถือเป็น "The best medicine" และเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งอื่นทดแทนได้ การออกกำลังกายที่ดีต้องมี 4 องค์ประกอบหลักใน 1 สัปดาห์ ดังนี้ 

  1. Arabic/Cardio: อย่างน้อย 75-150 นาทีต่อสัปดาห์

  2. HIIT (High-Intensity Interval Training): สัปดาห์ละ 1 ครั้ง (30 นาที) เพื่อกระตุ้นหัวใจให้ถึงโซน 4-5 และเพิ่ม VO2 Max อย่างรวดเร็ว

  3. Strength Training (เวทเทรนนิ่ง): สำคัญที่สุด ควรทำ 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อต่อสู้กับการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) ซึ่งเป็นคำจำกัดความที่ใหญ่ที่สุดของความแก่ชรา การมีกล้ามเนื้อแข็งแรงยังช่วยลดโอกาสในการล้มของผู้สูงอายุด้วย

  4. Flexibility: โยคะหรือการยืดเหยียด (1-2 ครั้งต่อสัปดาห์)

ทั้งนี้ VO2 Max เป็นค่าชี้วัดสำคัญที่บอกปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายนำไปใช้ได้ ซึ่งบ่งชี้ถึงสุขภาพโดยรวมของหัวใจ ปอด หลอดเลือด และไมโทคอนเดรีย ยิ่ง VO2 Max สูง โอกาสเสียชีวิตจากทุกสาเหตุจะต่ำลง (All-cost mortality) 

การนอน (Energy Management/Sleep)

  • Wind Down Ritual ช่วงเวลาปรับตัวก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เช่น เปิดไฟสลัว ๆ เก็บมือถือไว้ที่อื่น และอ่านหนังสือหรือนั่งสมาธิแทน

  • วินัยการนอน ต้องเข้านอนและตื่นนอนเวลาใกล้เคียงกันทุกวัน แม้ในวันหยุด 

  • แสงแดดตอนเช้า เมื่อตื่นนอน ควรออกไปรับแสงแดดเพื่อรีเซ็ตนาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ของร่างกาย

  • เครื่องมือช่วย อุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ (เช่น WHOOP) สามารถช่วยติดตามคุณภาพการนอนหลับ และค่าการฟื้นตัวของร่างกายได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง