Miss World vs Miss Universe: สองเวทีนางงามระดับโลกต่างกันอย่างไร?

สองเวทีนางงามระดับโลก “Miss World” และ “Miss Universe” แตกต่างกันอย่างไร?
ในการประกวดนางงามระดับโลก “Miss World” และ “Miss Universe” มักถูกพูดถึงในฐานะเวทีที่ทรงอิทธิพลและเก่าแก่ที่สุดในโลกความงาม ทั้งสองเวทีต่างมีความยิ่งใหญ่และเป้าหมายเพื่อยกระดับบทบาทผู้หญิงสู่เวทีโลก แต่เบื้องหลังความสง่างามนั้น ทั้งสองเวทีกลับมีแนวคิด โครงสร้าง และอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน
รากฐานและแนวคิดที่แตกต่างกัน
Miss World ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1951 โดย Eric Morley ที่สหราชอาณาจักร เริ่มต้นในฐานะการประกวดชุดว่ายน้ำภายในงานเทศกาล แต่ภายหลังได้รับความนิยมจนกลายเป็นเวทีระดับโลก โดยเฉพาะเมื่อ Julia Morley ภรรยาของผู้ก่อตั้งเข้ามาบริหารงานหลังจากเขาเสียชีวิตในปี 2000 Miss World ยึดหลักแนวคิด “Beauty with a Purpose” หรือ “ความงามเพื่อจุดมุ่งหมาย” โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าประกวดมีบทบาทในการช่วยเหลือสังคม ผ่านโครงการการกุศลต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อการคัดเลือกผู้ชนะอย่างชัดเจน
ในทางตรงกันข้าม Miss Universe ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1952 ที่สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทผู้ผลิตชุดว่ายน้ำ Pacific Mills เวทีนี้เน้นการโชว์ศักยภาพและความมั่นใจของผู้หญิงในระดับสากล ปัจจุบัน Miss Universe อยู่ภายใต้การบริหารของ JKN Global Group จากประเทศไทย โดยมีความพยายามขยายภาพลักษณ์ของเวทีไปสู่ความทันสมัย ความหลากหลาย และการยอมรับตัวตนของผู้หญิงในทุกมิติ
รูปแบบการประกวดและภารกิจหลังได้รับมง
เวที Miss World ใช้ระบบ “Fast-Track” โดยแบ่งการประกวดย่อยออกเป็นหลากหลายด้าน เช่น Top Model, Sport, Talent, Multimedia และ Beauty with a Purpose ผู้เข้ารอบลึกต้องแสดงศักยภาพรอบด้าน โดยเฉพาะความทุ่มเทในการช่วยเหลือสังคม ส่วน Miss Universe จะเน้นรอบพรีลิมฯ ชุดว่ายน้ำ ชุดราตรี และการตอบคำถามบนเวทีในรอบสุดท้าย
ผู้ชนะ Miss World จะได้รับภารกิจเดินทางทำกิจกรรมการกุศลตลอดปี ร่วมมือกับองค์กรพัฒนาเอกชนทั่วโลก ในขณะที่ผู้ครองมง Miss Universe จะได้รับตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก พร้อมที่พักและสัญญางานในนิวยอร์ก หรือประเทศเจ้าภาพ มีบทบาทในสื่อ สังคม และกิจกรรมเชิงพาณิชย์มากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติผู้สมัคร
Miss Universe ถือเป็นเวทีที่มีความก้าวหน้าด้านการยอมรับความหลากหลายของผู้หญิงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ได้เปิดรับผู้เข้าประกวดที่เคยแต่งงาน มีบุตร หรือเป็นคนข้ามเพศ ซึ่งสะท้อนแนวคิด “Inclusivity” อย่างชัดเจน ขณะที่ Miss World ยังคงใช้เกณฑ์แบบดั้งเดิม คือ ผู้สมัครต้องเป็นหญิงโสด ไม่มีบุตร และอายุไม่เกิน 27 ปี
สาวงามไทยบนเวทีโลก ครั้งแรกที่คว้า มงกุฎ Miss World
ประเทศไทยมีส่วนร่วมกับเวทีทั้งสองมาอย่างยาวนาน โดยล่าสุดในปี 2025 ออปอล สุขตา ช่วงศรี คว้ามงกุฎ Miss World ให้ไทยเป็นครั้งแรก ขณะที่เวที Miss Universe ไทยเองก็เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รายการ และมีการจัดประกวดที่เม็กซิโกซิตีในปี 2024 โดยผู้ชนะคือ Victoria Kjær Theilvig จากเดนมาร์ก
แตกต่างแต่ขับเคลื่อนพลังหญิงเหมือนกัน
Miss World และ Miss Universe ต่างมีเป้าหมายในการยกระดับบทบาทของผู้หญิง แต่เส้นทางและมิติที่ใช้กลับแตกต่างกันอย่างเด่นชัด Miss World เน้นงานเพื่อสังคมเป็นหลัก ขณะที่ Miss Universe มุ่งสร้างพื้นที่สำหรับความมั่นใจและตัวตนที่หลากหลายของผู้หญิงในยุคใหม่ ซึ่งจุดยืนของแต่ละเวทีนั้นช่วยเปิดมุมมองใหม่ต่อความงามที่มากกว่าเพียงรูปลักษณ์ภายนอก และคือพลังในการเปลี่ยนแปลงสังคมในแบบของผู้หญิงยุคใหม่อย่างแท้จริง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
