MINT มุมมองโบรกหลังแจ้งงบฯ
#MINT #ทันหุ้น – หลังจากที่ MINT แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 2,823 ล้านบาท ลดลง 13% ขณะที่มีกำไรปกติ 3,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” มีบล.ดาโอที่ปรับลดราคาเหมาะสมลงจาก 40 บาทเหลือ 34 บาท ขณะที่บล.เอเซียพลัสแนะนำ “ถือ” ให้ราคาเหมาะสม 35 บาท โดยบล.อินโนเวสท์เอกซ์ ให้ราคาเหมาะสมสูงสุดที่ 44 บาท
บล.ดาโอ : 2Q24ต่ำคาดจากดอกเบี้ยจ่ายและผลกระทบจากค่าเงิน
เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับราคาเป้าหมายปี 2024E ลงมาอยู่ที่ 34.00 บาท จากเดิมที่ 40.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2.5%) จากการปรับกำไรลง
โดย MINT ประกาศกำไรปกติ 2Q24 อยู่ที่ 3.23 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ 1Q24ที่ขาดทุนปกติที่ -352 ล้านบาท เพราะเป็นช่วง Peak season ของยุโรป แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดคาด -5%และเราคาด -9% เพราะมีดอกเบี้ยจ่ายมากกว่าคาด และมีกำไรขาดทุนอื่นน้อยกว่าคาดเพราะได้รับผลกระทบจากเงินกู้สกุลเงินศรีลังกาและบราซิลที่มีการอ่อนค่าลง
โดย 1) ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวตามคาด โดยมี RevPAR เพิ่มขึ้น +14% YoY และ +42% QoQ จากยุโรปเป็นหลัก ส่วน 2) ธุรกิจอาหารมีSSSG โดยรวมลดลง-3% YoY จาก 1Q24 ที่ +3% YoY โดยไทยยังโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่อสเตรเลีย และจีนยังคงลดลง ส่วนดอกเบี้ยจ่ายยังเพิ่มขึ้น +6% YoY และ +8% QoQ ตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +6% YoY จากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะที่ไทยและยุโรป ขณะที่ปรับกำไรสุทธิปี 2025E ลง -5% จากการปรับดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้ได้กำไรสทธิปี 20255F อยู่ที่ 3 3พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +10% YoY
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง-8%และ -10% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET จากกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ 3Q24E ยังเป็นช่วง High season ที่ยุโรป ด้าน valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯ ซื้อขาย 2024E PER ที่ 20x เมื่อเทียบกับ ERW ที่ 23x และ CENTEL ที่ 30x ประกอบกับมี 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA เราจึงยังคงแนะนำ "ซื้อ"
.
บล.เอเซียพลัส : โตน้อยกว่าที่คิด
กำไรปกติงวด 2067 ที่ 3.2 พันล้านบาท ต่ำกว่าฝ่ายวิจัยคาด 7.7% และ BB CONSENSUS 4.6% เพราะผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนส่วนการดำเนินงานหลักประกอบกับดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่าคาดการณ์ โดยกำไรปกติงวดนี้พลิกจากขาดทุนงวดก่อน จากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวใน EU หากเทียบ YoY เติบโต 7.5% มาจากการขยายตัวของรายได้โรงแรมและร้านอาหาร ขณะที่แม้กำไรปกติ 1H67 คิดเป็นสัดส่วน 38% ของประมาณการฝ่ายวิจัยปี 2567 แต่ด้วยน้ำหนักกำไรอยู่ที่ 2H มากกว่า 1H เพราะไม่มีผลขาดทุนเหมือนงวด 1Q จึงคงประมาณการเดิม
แม้ราคาหุ้นผ่านการปรับฐานจนเปิด UPSIDE แต่อัตราการขยายตัวของกำไรปกติงวด 2Q67 เชิง YoY เริ่มขยายตัวแผ่วเบาตามฐานกำไรสูงขึ้น ประกอบกับแนวโน้ม 3Q67 อ่อนตัว QoQ ตามถดูกาลใน EU ขณะที่เทียบ YoY หากกำไรไตรมาสที่เหลือของปีเติบโต 10% - 20% YoY เมื่อเทียบกับ PER ราว 27 เท่า ถือว่าไม่ถูกภาพรวมทำให้ประเมินราคาหุ้นขาดแรงขับเคลื่อน จึงยังคงแนะนำ NEUTRAL
.
บล.หยวนต้า : กำไรปกติ 2067 ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ตามคาด
MINT รายงานกำไรสุทธิ 2067ที่ 2.8 พันลบ. หากตัดรายการพิเศษได้แก่ ขาดทุนตราสารอนุพันธ์และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวรวม 406 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 3.2 พันลบ.ฟื้นตัว QoQ จากขาดทุนปกติ 352 ลบ. ใน 1Q67 หนุนจากโรงแรมในยุโรปเข้า High Seasonและเทียบ 2Q66 กำไรปกติเติบโต 8% YoY ได้จากการเติบโตของผลการดำเนินงานในทุกธุรกิจ
ผลประกอบการ 2Q67ออกมาใกล้เคียงที่เราคาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยราว 5%จากภาษีจ่ายที่สูงกว่าคาด
เราคาดผลประกอบการ 2H67จะเด่นกว่า 1H67 ตามปัจจัยด้านฤดูกาล ใน 3Q67 จะได้แรงส่งจากช่วง High Season ต่อเนื่องของยุโรป สำหรับ 4Q67 คาดผลประกอบการได้แรงหนุนหลักจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนในช่วง High Season ของตลาดไทยและมัลดีฟส์
กำไรปกติ 1H67 คิดเป็น 40% ของประมาณการทั้งปี 2567 ของเรา ขณะที่แนวโน้ม 2H67 คาด
เติบโต HoH ทำให้เราคงประมาณการปี 2567-2568 คาดกำไรปกติที่ 8.1 พันลนลบ. (+13% YoY) และ 9.5 พันลบ. (+17%YoY) ตามลำดับ
คงคำแนะนำ "ซื้อ" อิงราคาเหมาะสม 39.00 บาทต่อหุ้น (อิง EV/EBITDA ที่ 8 เท่า หรือเทียบเท่า-0.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีช่วง Pre COVID-19)
MINT มี Upside Risk น่าสนใจและแนวโน้มธุรกิจโดยรวมเติบโตต่อเนื่อง ติดเพียงประเด็นปัญหาสงครามตะวันออกกลางที่อาจกระทบต่อ sentiment การเดินทางของนักท่องเที่ยว นักลงทุนอาจใช้กลยุทธ์ทยอยสะสมบางส่วน โดยอิงจากสถานการณ์ที่หากคลายความตึงเครียดลงจะเป็นจังหวะในการสะสมเพิ่ม
ความเสี่ยงสำคัญ: นักท่องเที่ยวต่ำกว่าคาดการณ์, เศรษฐกิจถดถอยรนแรงทั่วโลก, ภาวะสงครามในยโรป และการแข่งขันด้านราคาในระยะถัดไป
.
บล.ทิสโก้ : กำไรหลักได้รับผลกระทบจากการประเมินมูลค่าใหม่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
MINT รายงานกำไรสุทธิใน 2Q24 ที่ 2.82 พันล้านบาท (ลดลง 13% YoY, เพิ่มขึ้น 146% QoQ) กำไรต่ำกว่าประมาณการของเราและ BBg consensus ที่ 11% โดยมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและภาษีที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความแตกต่างที่สำคัญอื่นๆ จากที่เราคาดการณ์ไว้รวมถึงผลกระทบจากการประเมินมูลค่าใหม่จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่าย SGA ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกำไรขั้นต้นที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
แนวโน้มสำหรับ 3Q24 : ใน 3Q ควรจะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลสำหรับ MINT และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่รุนแรงที่เห็นใน 2Q24 ไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำ เราไม่คาดหวังการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากโอลิมปิกหรือยูโร แต่สังเกตว่าการอัพเกรดแบรนด์ควรจะยังคงเป็นประโยชน์ต่อพอร์ตโรงแรมของบริษัท โดยโรงแรมในสหภาพยุโรปและละตินอเมริกา รวมถึงในประเทศไทยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานหลักของ MINT ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงควรสนับสนุนการเติบโตของกำไรในอนาคต ทั้งนี้ คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ MINT โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 39.00 บาท
บล.บัวหลวง : กำไรหลักไตรมาส 2/67 เป็นไปตามที่เราคาด แต่ต่ำกว่าตลาดคาด
MINT รายงานกำไรหลักไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 3.23 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY เทียบกับขาดทุนหลัก 352 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 กำไรหลักเป็นไปตามที่เราคาด แต่ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.39 พันล้านบาท การดำเนินงานโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอาหารจานด่วน (QSR) ของ MINT ปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ (ช่วงไฮซีซั่นในยุโรปในไตรมาสที่สอง)
แนวโน้ม
เราคาดกำไรไตรมาส 3/64ปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY (รายได้เฉลี่ยต่อห้องและธุรกิจอาหารจานด่วนที่ขยายตัว) แต่ลดลง QoQ (ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวในยุโรปสำหรับธุรกิจโรงแรมเครือ NH)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงประมาณการเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
คำแนะนำ
เรายังคงชอบ MINT สำหรับปัจจัยเชิงพื้นฐานที่ดีและธุรกิจโรงแรมและแบรนด์ธุรกิจร้านอาหาร QSR ที่แข็งแกร่ง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
.
บล.ทรีนีตี้ : รายงานกำไรต่ำกว่าคาดจาก FX Loss
รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 2.8 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนจากการดำเนินงานปกติที่ 352 ล้านบาท และปรับตัวลดลง 13.3% YoY แต่หากไม่นับการบันทึก FX Loss จะมีกำไรเติบโต 30%YoY
รายได้กลุ่มโรงแรมยังคงเติบโตจาก RevPar ที่เติบโตในทุกภูมิภาค ยกเว้น Maldives
คาด 3Q67มีผลการดำเนินงานเติบโตทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากยังคงเป็นช่วง Peak Season ในยุโรป และ RevPar ยังคงสูงกว่าช่วง Pre-COVID
คาดกำไรปี 2567 ที่ 8.3 พันล้านบาท เติบโต 53% YoY จากกลุ่มโรงแรมที่ยังสามารถปรับเพิ่ม RevPar ได้
แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 42 บาท
.
บล.อินโนเวสท์เอกซ์ : 2Q67: กำไรสุทธิต่ำกว่าคาดจากรายการพิเศษ; กำไรปกติทำจุดสูงสุดใหม่
MINT รายงานกำไรสุทธิ 2Q67ที่ 2.8 พันลบ. ต่ำกว่า INVX และตลาดคาดจากรายการพิเศษ เมื่อหักรายการพิเศษออกไป พบว่ากำไรปกติทําจุดสูงสุดใหม่ที่ 3.2 พันลบ. โดยได้แรงหนุนจากช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในยุโรป ซึ่งยังมีการดำเนินงานที่ดี โดย MINT พบว่ารายได้เติบโตเป็นตัวเลของหลัก YoY ในเดือนก.ค. และยอดจองห้องพักล่วงหน้าบ่งชีว่ารายได้จะเดินใตต่อเนื่องในเดือนส.ค. ปัจจัยเสี่ยง คือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง เราจะรายงานรายละเอียดเพิ่มเติมหลังการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 9 ส.ค. เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ MINT ด้วยด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 44 บาท/หุ้น