รีเซต

โลกร้อนจุดไฟป่า รุนแรงและเกิดบ่อยขึ้น 40 เท่า

โลกร้อนจุดไฟป่า รุนแรงและเกิดบ่อยขึ้น 40 เท่า
TNN ช่อง16
6 กันยายน 2568 ( 11:01 )
18

ไฟป่าครั้งใหญ่ในสเปนและโปรตุเกสสะท้อนความเปราะบางของภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน อากาศร้อนและแห้งแล้งขึ้นกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเพิ่มโอกาสเกิดไฟป่ามากขึ้น 40 เท่า


ไฟป่ารุนแรงขึ้นเพราะโลกร้อน

สภาพอากาศสุดขั้วกำลังกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ กลุ่มเครือข่ายความร่วมมือสภาพภูมิอากาศนานาชาติ หรือ World Weather Attribution คาดการณ์ว่า ไฟป่าในสเปนและโปรตุเกสครั้งล่าสุดรุนแรงขึ้นถึงร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะที่ไม่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไฟป่าได้เผาทำลายพื้นที่ป่าไปมากกว่า 5,000 ตารางกิโลเมตร ในคาบสมุทรไอบีเรียภายในไม่กี่สัปดาห์ สภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งจัดเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ไฟป่าเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงมากขึ้น 

อากาศร้อนและแห้งแล้ง เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีของไฟป่า

นักวิจัยพบว่าอากาศร้อนและแห้งแล้งจนทำให้เกิดไฟป่าครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นได้ 1 ครั้งในรอบ 500 ปี แต่วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญอยู่นั้นเพิ่มโอกาสมากขึ้นจนอาจเกิดขึ้นได้ทุกๆ 15 ปี ขณะที่อากาศร้อนจัดติดต่อกันเกิน 10 วัน จากเดิมมีโอกาสเกิดขึ้น 1 ครั้งในรอบ 2,500 ปี ปัจจุบันภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนอาจต้องเผชิญกับวิกฤตคลื่นความร้อนรุนแรงได้ทุกๆ 13 ปี 

  

วิกฤตสภาพอากาศผลักดันการละทิ้งที่อยู่อาศัย

อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคม หลายประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่เผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดโดยเฉพาะพื้นที่ชนบทกำลังประสบปัญหาประชากรสูงวัยและการละทิ้งถิ่นที่อยู่อาศัยของคนหนุ่มสาว ส่งผลให้พื้นที่เกษตรกรรมรกร้าง ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ความชื้นในดินและพืชลดลง กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่พร้อมลุกไหม้เมื่อเกิดประกายไฟเพียงแค่เล็กน้อย นอกจากนี้ฤดูกาลไฟป่ายังมีแนวโน้มยาวนานขึ้น และรุนแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรและระบบนิเวศแล้ว ยังคุกคามชีวิตและทรัพย์สินอีกด้วย

การแก้ปัญหาต้องต้องครอบคลุมทั้งสิ่งแวดล้อมและสังคม

ปัญหาวิกฤตไฟป่าไม่ใช่เพียงแค่ภัยธรรมชาติ แต่กำลังเร่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและพื้นฐานการดำเนินชีวิตของผู้คน หากไม่มีมาตรการป้องกันและปรับตัวอย่างเหมาะสม ซึ่งการแก้ปัญหาจำเป็นต้องดำเนินควบคู่ไปพร้อมกันทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดภาวะโลกร้อนและวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกันต้องดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและการเกษตร ลดพื้นที่เกษตรที่ถูกทิ้งร้าง พร้อมสร้างแนวกันไฟ เพิ่มการสนับสนุนชุมชน ลดการละทิ้งถิ่นที่อยู่อาศัย รวมถึงพึ่งพาเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างความตระหนักรู้ให้กับคนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ปัญหาก่อนที่จะสายจนเกินแก้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง