รีเซต

สิงค์โปร์เตรียมอยู่ร่วมกับโควิด-19 หลังประชาชนเริ่มเหนื่อยล้ากับการต่อสู้

สิงค์โปร์เตรียมอยู่ร่วมกับโควิด-19 หลังประชาชนเริ่มเหนื่อยล้ากับการต่อสู้
TNN World
28 มิถุนายน 2564 ( 09:50 )
605
สิงค์โปร์เตรียมอยู่ร่วมกับโควิด-19 หลังประชาชนเริ่มเหนื่อยล้ากับการต่อสู้

Editor’s Pick: ‘เรากำจัดโควิดไม่ได้ แต่เราอยู่กับมันได้’ สิงค์โปร์เตรียมอยู่ร่วมกับโควิด-19 หลังประชาชนเริ่มเหนื่อยล้ากับการต่อสู้ 

 


สงครามที่ไม่มีสิ้นสุด 


รัฐบาลสิงคโปร์ต้องต่อสู้และรับมือกับสงครามการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 มาอย่างยาวนาน ออกมาตรการต่าง ๆ มากมาย หวังกำจัด ‘ศัตรูตัวร้าย’ ให้พ้นประเทศ แต่มาวันนี้ ชาวสิงคโปร์เริ่ม ‘เหน็ดเหนื่อย’ มากขึ้นกับการต่อสู้ จนต้องหาทางอยู่ร่วมกับไวรัสชนิดนี้ให้ได้

 


สิงคโปร์กำลังวาดโครงการใหม่สำหรับโควิด-19 ซึ่งได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว, เป็นแผนที่อาจรวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปอีกหลายปี เช่น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่, การเปลี่ยนแปลงเฝ้าติดตามตัวเลขผู้ป่วยรายวัน และการกลับมาของงานร่วมชุมนุมจำนวนมาก อย่างขบวนพาเหรดประจำปีในวันชาติของสิงคโปร์

 


แกน คิมยง, ออง เยคุง และลอว์เรนซ์ หว่อง สามรัฐมนตรีที่ร่วมเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านการรับมือไวรัสโควิด-19 เขียนลงในคอลัมน์แสดงความคิดเห็นผ่านหนังสือพิมพ์ The Straits Times ของสิงคโปร์ ว่า 

 


“ทุกคนต่างถามว่าโรคระบาดจะสิ้นสุดเมื่อไหร่และอย่างไร? ข่าวร้าย คือ โควิดจะไม่หายไปไหน แต่ข่าวดี คือ เราสามารถอยู่กับมันได้อย่างปกติ หมายความว่า ‘โควิด-19’ ได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว” 

 

 

 


โควิด-19 ก็เหมือน ‘ไข้หวัดใหญ่’ 


คอลัมน์ความคิดเห็นดังกล่าวของพวกเขา เป็นไปตามคำแนะนำล่าสุดของรัฐบาลอื่น ๆ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ที่อาจต้องใช้แนวทางใหม่ในการรับมือกับโรคระบาด เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์ว่าโควิด-19 ‘ไม่สามารถกำจัด’ ออกไปจากโลกนี้ได้ 
รัฐมนตรีทั้งสาม กล่าวว่า มันเหมือนกับไวรัสไข้หวัดใหญ่, โควิด-19 จะยังกลายพันธุ์ต่อเนื่อง และอยู่รอดในสังคม แม้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวเองได้ โดยไม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และใช้ยาเพียงเล็กน้อย หรือไม่ใช้เลย

 


“เราสามารถใช้ชีวิตร่วมกับโควิดได้ เราไม่สามารถกำจัดมันออกไป แต่เราสามารถเปลี่ยนการแพร่ระบาดให้กลายเป็นสิ่งที่คุกคามเราได้น้อยกว่า เฉกเช่น ไข้หวัดใหญ่” พวกเขา กล่าว 

 

 

 


วัคซีนคือทางออก 


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลสิงคโปร์ ประกาศว่า ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่ง ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส 
การฉีดวัคซีนจะเป็นหัวใจหลักสำคัญของแนวทางใหม่นี้ โดยอ้างอิงจากอิสราเอล ที่แสดงอัตราผู้ติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนต่ำกว่าคนที่ไม่ฉีดถึง 30 เท่า และอัตราการรักษาในโรงพยาบาลลดลง 10 เท่า 

 


อย่างไรก็ตาม สิงค์โปร์มีผู้ติดเชื้อกว่า 120 คน ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว โดยไม่ใช่คนที่อยู่ในบ้านพักคนชรา หรือเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล แต่ทั้งหมดล้วนไม่มีอาการหรือมีอาการที่ไม่รุนแรง ในทางตรงกันข้ามประชากรประมาณ 8% ที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน จะมีอาการที่รุนแรง เมื่อติดเชื้อโควิด-19 

 


รัฐบาลสิงคโปร์ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน 8 หมื่นคนต่อวันในวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน เพิ่มจากเดิม 47,000 คน และจะติดตามให้ประชาชนได้รับวัคซีน 2 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด อย่างน้อย 1 โดส ภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ 

 


รัฐมนตรีทั้งสามคน ยังบอกว่า ภารกิจสำคัญลำดับถัดไป คือ การทำให้ประชากร 2 ใน 3 ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ภายในวันครบรอบ 56 ปี ของสิงคโปร์ ซึ่งตรงกับวันที่ 9 สิงหาคม 

 


นอกจากนี้ โครงการฉีดวัคซีนจะครอบคลุมผู้อยู่อาศัยแบบถาวร และผู้ที่ถือวีซ่าระยะยาวอายุ 12-39 ปี โดยจะเริ่มในเดือนหน้า 

 

 

 


แผนใหม่กับศัตรูตัวเดิม 


การออกแนวทางใหม่เพื่ออยู่ร่วมกับโควิด-19 ของสิงคโปร์ นอกจากวางแผนเดินหน้าฉีดวัคซีนแล้ว ยังรวมไปถึงการตรวจหาเชื้อที่เข้าถึงง่ายขึ้น เช่น สามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง และใช้เครื่องเป่าวัดลมหายใจ ให้วิเคราะห์หาเชื้อได้อย่างรวดเร็ว 

 


ในขณะเดียวกัน สนามบิน, ท่าเรือ, อาคารทำงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษา จะให้ใช้เครื่องตรวจเชื้อแบบง่าย หรือ Test Kit สามารถรู้ผลได้ทันทีใน 1-2 นาที 

 


เจ้าหน้าที่อาจเลิกติดตามและกักกันผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลทุกครั้งที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อ เนื่องจากตรวจสอบง่ายและรวดเร็ว ทำให้สามารถยืนยันว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่ 

 


แนวทางใหม่นี้ อาจทำให้ผู้ติดเชื้อสามารถพักฟื้นได้ที่บ้าน เพราะการฉีดวัคซีนจะทำให้มีอาการไม่รุนแรง และความกังวลเรื่องโรงพยาบาลเต็มจะลดน้อยลง เพราะความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อต่ำลง ท่ามกลางคนที่ฉีดวัคซีนมากขึ้น 

 

 

 


กลับบ้านได้ โดยไม่ต้องกักตัว 


ด้วยการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ จะทำให้ชาวสิงคโปร์สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว หรือใช้เวลาในการกักตัวน้อยมาก 

 


นักท่องเที่ยวจะได้รับการตรวจสอบเมื่อออกเดินทาง และได้รับการยกเว้นในการกักตัว เมื่อพวกเขามีผลตรวจเชื้อเป็นลบ และกลับบ้านได้ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามแนวทางใหม่ เพื่อลดข้อจำกัดการเดินทางสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว 

 


“อย่างน้อยหลายประเทศสามารถควบคุมไวรัส และหันมาเปลี่ยนเป็นแนวทางใหม่เฉพาะท้องถิ่น” รัฐมนตรีทั้งสามคน กล่าว  
“ในขณะที่เราวาดแผนงาน เราต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัว และก้าวไปข้างหน้า แต่บางครั้งก็ต้องย้อนกลับหากจำเป็น ก่อนที่เราจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่พวกเราตั้งใจแน่วแน่ที่จะมองผ่านจุดสิ้นสุดนี้” ออง เยคุง กล่าว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง