DHL Express ตอกย้ำแนวคิดโลจิสติกส์ยั่งยืน พร้อมนำรถขนส่ง EV มาใช้เป็นรายแรกของประเทศ

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส (DHL Express) ผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศชั้นนำของโลก ขยายจำนวนยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ใช้ในการขนส่งในประเทศ หลังจากเมื่อช่วงปีก่อน ๆ มีการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EV ไปแล้ว 50 คัน (ซึ่งยังใช้อยู่ในปัจจุบัน) โดยการขยายจำนวนการใช้งานรถ EV ในครั้งนี้ ทำให้ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในประเทศไทยที่เปลี่ยนไปใช้รถ EV ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ

รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าทั้ง 16 คันนี้ จะเริ่มทำการขนส่งสินค้าได้ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 โดยจะให้บริการในเขตกรุงเทพฯ ก่อน ได้แก่ สาทร, สีลม, ปทุมวัน, พระราม 3, ถนนสุขุมวิท, และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยดีเอชแอลมีแผนที่จะเพิ่มรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าอีก 5 คันในเฟสถัดไป เพื่อใช้งานในเส้นทางภาคตะวันออก ซึ่งจะทำให้ดีเอชแอลมีรถ EV ที่ให้บริการทั้งหมดในประเทศไทยรวมจำนวน 71 คัน (รวมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า) ภายในปี 2566 ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนมาใช้รถ EV เป็นจำนวน 60% ของยานพาหนะทั้งหมดในประเทศไทย ภายในปี 2573

สเปกเบื้องต้นของรถขนส่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ มีดังนี้

• ใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการชาร์จไฟจนเต็ม
• เดินทางได้ 260 กิโลเมตร
• บรรทุกของได้หนักถึง 3.9 ลูกบาศก์เมตร หรือ 1.6 ตัน
• รถแต่ละคันจะวิ่งขนส่งรวมระยะทาง 3,000 กิโลเมตรต่อเดือน
• มีระบบเบรก ABS, ระบบล็อกอัตโนมัติ, สัญญาณเตือนโดยใช้เซ็นเซอร์, และระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานที่สร้างความปลอดภัยในการขับขี่ให้กับพนักงานขนส่ง

นอกจากนี้ ยังมีระบบสแลมล็อก (Slam Lock) ที่เป็นระบบรักษาความปลอดภัยเสริม โดยจะล็อกประตูรถทุกบานโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับรถปิดเพียงประตูเดียว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อผู้ขับไม่ได้อยู่กับตัวรถ

และยังมีระบบเทเลเมติกส์ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าทุกคัน ซึ่งจะทำการบันทึกข้อมูลจากกล้องด้านหน้า ด้านใน และด้านหลัง ทำให้สามารถตรวจสอบและแจ้งเตือนความปลอดภัยแบบเรียลไทม์เมื่อเกิดเหตุเกี่ยวกับรถและผู้ขับรถได้ทันที

เฮอร์เบิร์ต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่เทรนด์ แต่เป็นภารกิจที่เราให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง และดีเอชแอลมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ระดับโลก เราจำเป็นต้องผลักดันให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมร่วมมือกันเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ และเรากำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เหลือศูนย์ ภายในปี 2593 โดยให้ความสำคัญกับการเป็นกรีนโลจิสติกส์ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งสิ้น 436 ตันต่อปี โดยรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าชุดนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการนำเราไปสู่โลจิสติกส์ที่ยั่งยืน และการสร้างอนาคตที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ทุกคน”

ศิวเวศม์ หงษ์นคร รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญของเราในการเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ทำให้กรีนโลจิสติกส์และอนาคตที่ยั่งยืนมีความหมายมากขึ้น ภายในปีนี้ รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าสำหรับการขนส่งลาสไมล์ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส จะเพิ่มเป็น 29 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนยานพาหนะทั้งหมด และเราจะยังคงมุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้บุกเบิกตลาดในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสภาพภูมิอากาศที่ดีขึ้น”