2 โบรกฯ ส่องหุ้น OSP คาดกำไรปี 68 เติบโตแกร่ง-ราคาหุ้นยัง Laggard
#OSP #ทันหุ้น-โบรกเกอร์ 2 รายคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ในปี 2568 จะมีกำไรที่เติบโตจากปีก่อน ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมองว่ายัง Laggard จึงแนะนำซื้อหุ้น
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำในหุ้น OSP เป็นซื้อ จากเดิมแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 อยู่ที่ 25.50 บาท โดยมองว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และราคาหุ้นยัง Laggard โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติขึ้น 1% ในปี 2567 และ 2568 มาอยู่ที่ 3.12 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% และอยู่ที่ 3.33 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ตามลำดับ ตามการปรับลดรายได้จากากรขายลงเล็กน้อยเป็นเพราะยอดขายเครื่องดื่มที่ต่ำลงถูกชดเชยด้วยอัตรากำไรขั้นต้น หรือ GPM ที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้า หลังจาก OSP ขายกิจการร่วมค้าที่มีผลประกอบการไม่ดีในปี 2567 ออกไป
และฝ่ายวิจัยเคจีไอ ยังคาดว่ากำไรปกติในปี 2569 ของ OSP จะขยายตัวต่อเนื่องอีก 7% มาอยู่ที่ 3.56 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโต 5% และได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดส่งผลบวกต่อ GPM และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร(SG&A) ต่อยอดขาย
โดยคาดว่ากำไรในปี 2568 อยู่ที่ 3.33 พันล้านบาทดังกล่าว นับว่าสูงกว่าระดับ 3.0 พันล้านบาทเป็นปีแรกนับตั้งแต่การปรับราคาสินค้าในปี 2565 ขณะที่รายได้คาดว่าจะเติบโตในระดับปกติเป็นเลขหลักเดียวกลางๆ และ GPM น่าจะดีขึ้นต่อเนื่องจากสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น และการทำตลาดระดับพรีเมียม
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาหรือเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศขึ้นเล็กน้อย ขณะที่บริษัทพยายามขยายไปสู่กลุ่มตลาดใหม่ๆ รวมถึงกลุ่มนักศึกษาและพนักงานออฟฟิศ
ส่วนผลดำเนินงานไตรมาส 4/67 ฝ่ายวิจัยคาดว่า OSP จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน หรือ QoQ ผลักดันจากยอดขายต่างประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเมียนมา ขณะที่ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศน่าจะฟื้นตัว โดยส่วนแบ่งเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 45.3% ในเดือน ต.ค.-พ.ย. จาก 44.8% ในไตรมาส 3/67
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำซื้อหุ้น OSP ให้ราคาเป้าหมายที่ 28 บาท โดยส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังล่าสุด พ.ย. ในเชิงมูลค่าปรับขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 45.5% จาก 45% ใน ต.ค. เช่นเดียวกับ CBG ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงคู่แข่งอันดับ 3 อย่างกระทิงแดง มีส่วนแบ่งตลาดลดลง จึงมองเป็นสัญญาณบวกต่อรายได้ของ OSP ที่จะทยอยปรับตัวขึ้น
โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 จะกลับมาโตแรง 74% ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงทำให้ค่าพี/อี เรโช ปี 2568 อยู่ที่ 19.2 เท่า ห่างจาก CBG ที่ 25.2 เท่ามากเกินไป