เครื่องผสมปุ๋ยแม่นยำ สู่โรงเรือนเกษตรอัจฉริยะ | TNN Tech Reports
เกษตรกรรม คือหนึ่งในอุตสาหกรรมเสาหลักของประเทศ ขณะที่เกษตรกรคืออาชีพที่อยู่กับคนไทยมาช้านาน ซึ่งสร้างเม็ดเงินที่เข้ามาสู่ประเทศอย่างมหาศาล จากตัวเลขการส่งออกโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ในปี 2564 สูงถึง 8,530,000 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าผลไม้และผลิตภัณฑ์สามารถส่งออกได้มากที่สุด คือ 252,000 ล้านบาท สิ่งเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า ทำไมเกษตรกรรมไทยจึงมีความสำคัญ
หนึ่งในปัญหาที่เกษตรไทยยังคงเผชิญ โดยเฉพาะเกษตรกรมีพื้นที่แปลงขนาดใหญ่ ก็คือ ปัญหาต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากนวัตกรรมเทคโนโลยียังไปไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องใช้แรงงานคนและเวลาในการดูแลจำนวนมาก อีกทั้งยังสิ้นเปลืองทรัพยากร ทั้งน้ำ ทั้งปุ๋ย ที่ไม่ผ่านการคำนวณอย่างแม่นยำ
Fertigation เครื่องผสมปุ๋ยแม่นยำฝีมือคนไทยโดย Evergrow
Evergrow คือบริษัทสตาร์ตอัปไทย เป็น 1 ใน 6 สตาร์ตอัพด้านนวัตกรรมการเกษตรที่ผ่านการคัดเลือกจากสตาร์ตอัปกว่า 100 รายทั่วโลก เข้ารับการบ่มเพาะในโครงการ AGrowth กับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติหรือเอ็นไอเอ
โดยผู้พัฒนาเล่าว่า "เครื่อง Fertigation เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำหรับคนที่ต้องการทำระบบฟาร์มแม่นยำ คือการที่เราพยายามควบคุมปัจจัยต่าง ๆ คุมปริมาณปุ๋ยและคุมน้ำให้แม่น เพราะว่าคอมพิวเตอร์ควบคุมทั้งเรื่องของการผสมและการใส่น้ำพืชราคาสูงอย่างมะเขือเทศ สตอเบอรี่ กัญชง กัญชา"
ระบบ Fertigation คืออะไร ?
ระบบ Fertigation คือการให้ปุ๋ยในระบบน้ำ ซึ่งสามารถทำงานได้ 2 ลักษณะ
- ลักษณะแรกคือ Batch irrigation โดยเกษตรกรจะตั้งค่าข้อมูลของปุ๋ยและน้ำที่ต้องการเข้าไปในโปรแกรม พอถึงเวลาเครื่องก็จะผสมปุ๋ยกับน้ำในถังผสมที่อยู่บนตัวเครื่อง จากนั้นจะประมวลให้ได้ค่าที่แม่นยำจริง ๆ ถึงจะจ่ายน้ำออกไปสู่แปลงปลูกตามที่กำหนดไว้
- ลักษณะที่สอง Inline injection เครื่องจะดึงน้ำจากท่อหลักมาส่วนหนึ่ง เพื่อใช้สร้างแรงฉีดปุ๋ย จากนั้นเครื่องจะดันน้ำกลับเข้าท่อหลักอีกครั้ง โดยไม่ต้องมีถังผสมคล้ายกับการทำงานลักษณะแรก ซึ่งเหมาะกับการปลูกพืชแปลงใหญ่ ขนาดพื้นที่ 50 หรือ 100 ไร่ขึ้นไป
อะไรคือจุดเด่นของ Fertigation ?
ผู้พัฒนาอธิบายจุดเด่นของเครื่องผสมปุ๋ยแม่นยำให้ฟังว่า "จุดเด่นของตัวเครื่องเมื่อเทียบกับการให้น้ำให้ปุ๋ยแบบธรรมดาคือ การให้น้ำให้ปุ๋ยแบบธรรมดาจะเป็นการให้น้ำให้ปุ๋ยที่มีหลายระบบเข้ามาทำงานร่วมกัน อย่างน้อยมีสามระบบขั้นต่ำ ซึ่งสามระบบนี้ไม่ได้คุยกัน พูดง่าย ๆ คือตัวระบบจะมีรอยต่อ นอกจากการลดขั้นตอนการทำงาน เครื่องผสมปุ๋ยแม่นยำที่ว่ายังมีข้อดีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน และเพิ่มคุณภาพให้กับผลผลิต เพราะพืชที่ปลูกจะได้รับสัดส่วนของน้ำและสารอาหารที่ถูกต้องแม่นยำ
Fertigation ถูกออกแบบมาให้จัดการเรื่องพวกเนี่ยจัดการรวมกันเป็นหนึ่งโดยใช้คอมพิวเตอร์ตัวเดียวในการควบคุม นั่นหมายความว่าต่อให้คุณมีแปลงเล็กแปลงใหญ่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ต้องการปุ๋ยไม่เหมือนกัน คอมพิวเตอร์ตัวนี้จัดการให้คุณได้ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง
ระบบแบบพื้นฐานค่าใช้จ่ายสูงกว่าการใช้งานเครื่องเฟอร์ติเกชั่นอีก เพราะว่าระบบแบบพื้นฐานเขาออกแบบมาให้ทำแค่หนึ่งเรื่อง นั่นหมายความว่า ถ้าคุณปลูกพืชหลายชนิดคุณจำเป็นต้องมีระบบเล็ก ๆ พวกนี้หลายชุดเมื่อรวมกันแล้วราคาก็จะสูง ค่าบำรุงรักษาก็จะสูง"
ขณะที่การใช้งานก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยเกษตรกรอาจจะไม่ต้องใช้ทักษะของเทคโนโลยีขั้นสูง มีระบบทัชสกรีนใช้งานง่าย เป็น IoT สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ในตัวเรียบง่ายเหมือนเล่นแท็บเลต โดยที่เทคโนโลยีสำคัญสำหรับเครื่องนี้คือระบบเซนเซอร์ในการวัดค่าต่าง ๆ ให้มีความแม่นยำ และสวิตช์ที่สั่งการด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ทำให้เครื่องยังสามารถทำงานได้ แม้ว่าระบบใดระบบหนึ่งจะมีปัญหา
อะไรคือจุดอ่อนของ Fertigation ?
"จุดอ่อนของ Fertigation เกี่ยวกับความเที่ยงตรงของเซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์จริง ๆ แล้วต้อง Calibrate บ่อยมาก แต่แรงงานไม่ค่อยได้ใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ เพราะถ้าเซ็นเซอร์เพี้ยน ปุ๋ยก็เพี้ยน
ตอนนี้ตัวระบบทำฟังชั่นตัวหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่จะอ่านค่าของเซ็นเซอร์ว่ามันยังสะอาดอยู่หรือเปล่าแม้แต่น้ำยาเทียบว่ามันได้ค่าเดิมอยู่หรือเปล่าฟังชั่นตัวนี้จะช่วยให้ คนที่ดูแลฟาร์มจะเห็นเลยว่าเขา Calibrate บ่อยหรือเปล่าตามที่เขาได้กำหนดไหม"
ราคาของ Fertigation ?
เครื่องผสมปุ๋ยแม่นยำที่ได้รับการพัฒนาจากสตาร์ตอัปไทย มีการใช้งานจริงและเป็นที่ยอมรับจากเกษตรกรทั้งในและต่างประเทศ โดยราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาทตามขนาดพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน ชุดเล็กที่สุดอยู่ที่ราคา 48,000 บาท สำหรับฟาร์มขนาดเล็ก ไปจนถึงราคาสูงสุด 500,000 บาท