ส่องหุ้น GULF แนะ"ซื้อเก็งกำไร" รอรับ upside จากโครงการที่ศึกษา-เจรจา

#GULF #ทันหุ้น-บล.โนมูระ พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มองว่ากำไรไตรมาส 2/65 จะถูกฉุดจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน จะไม่ได้กดดันราคาหุ้น เพราะส่วนใหญ่เป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด (unrealized fx loss) โดย core operation ยังอยู่ในระดับสูงแม้เป็น low season ของโรงไฟฟ้า BKR2 สะท้อนแรงหนุนของโรงฟฟ้าใหม่ที่ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์หรือ COD ซึ่ง GULF จะมีโรงไฟฟ้าใหม่ทยอย COD ต่อเนื่องไปถึงปี 2570 (นับเฉพาะที่มี PPA) รวมถึงมีแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไร INTUCH ที่โตต่อเนื่อง 5-6% ในปี 2566-2567 ตามการเติบโตของธุรกิจมือถือ และการเข้าซื้อธุรกิจ Fiber ของ ADVANC
ฝ่ายวิจัยโนมูระ พัฒนสิน คาดว่า กำไรปกติของ GULF ในช่วงปี 2565-2567 จะมีการเติบโตเฉลี่ย 31% ต่อปี ซึ่งยังคงมุมมองผู้ที่รับความเสี่ยงได้สามารถซื้อเก็งกำไร เพื่อรอรับมี upside ที่มากกว่าคาดของโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาและโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาของ GULF ซึ่งฝ่ายวิจัยได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายหุ้น GULF ของปี 2566 อยู่ที่ 55.50 บาท
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 2/65 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 51% จากไตรมาส 1/65 ซึ่งหากตัดรายการพิเศษที่มีการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ออก คาดว่าจะมีกำไรปกติราว 3,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 6% จากไตรมาส 1/65 ซึ่งกำไรที่เติบโตมาจากรายได้โรงไฟฟ้า GSRC ที่ COD เพิ่ม และมีมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ INTUCH
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/65 คาดว่ากำไรปกติจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะรายได้ขายไฟที่เพิ่มขึ้น หลักๆ มาจากโรง GSRC ที่ทยอย COD เพิ่ม และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มจาก INTUCH แต่หากเทียบกับไตรมาส 2/65 คาดว่าจะทรงตัว เพราะส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของ INTUCH จากธุรกิจมือถือฟื้นตามการท่องเที่ยว เพียงพอชดเชย GPM ที่ลดลงของฝั่งการขายให้ลูกค้าอุตสาหกรรม หลังต้นทุนก๊าซกลับมาเพิ่มขึ้นตามราคา LNG