STECคว้างานTOP มูลค่า2.44พันล. หนุนแบ็กล็อกโต
ทันหุ้น –สู้โควิด –STEC คว้างานก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาดของ TOP มูลค่า 2,441.15 ล้านบาท ฟากโบรกประเมินมีโอกาสรับงานใหม่ต่อเนื่อง จากการเข้าประมูลงานใหม่ในปีนี้และปีหน้า หนุน Backlog แตะแสนล้านบาท เคาะราคาเหมาะสม 22 บาท
นายไชยาพร อิ่มเจริญกุล เลขานุการบริษัท บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาจ้างโครงการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด (สัญญาลงวันที่ 19 ต.ค.63) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP โดยผู้ว่าจ้าง คือ กิจการร่วมค้า พีเอสอีเอแอล เอสเอสไอเอ็นจี และเอสอีที (Joint Venture of Petrofac South East Asia Pte. Ltd., Saipem Singapore Pte. Ltd. and Samsung Engineering (Thailand) Co., Ltd.)
โดยมีมูลค่าโครงการ 2,441,159,035 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ลักษณะงานก่อสร้าง เป็นงานติดตั้งทางเครื่องกล ประกอบด้วยงานติดตั้งโครงสร้างเหล็ก งานติดตั้งหอกลั่น เครื่องจักรกล และงานเดินท่อ สำหรับพื้นที่ 5A และ 5B (หน่วย กลั่น Hydrocracking) ระยะเวลาการก่อสร้าง 25 มกราคม 2564-9 มิถุนายน 2566
บริษัทกลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง STEC ว่า ประเมินผลงานไตรมาส 3/2563 กำไรปกติราว 158 ล้านบาท (-13% จากไตรมาสก่อน,-53% จากปีก่อน) รายได้จากการก่อสร้างและบริการยังคงทำได้ต่อเนื่องราว 9.2 พันล้านบาท (+3% จากไตรมาสก่อน,+2% จากปีก่อน งานหลักยังคงขับเคลื่อนได้ต่อเนื่องจากงานโครงการรัฐสภา รถไฟฟ้าสายสีส้ม/ชมพู/เหลือง และรถไฟทางคู่ ส่วนมาร์จิ้น คาดใกล้เคียงกับไตรามาส 2/2563 ที่ 3.4%แรงกดดันยังคงมีอยู่จากโครงการรัฐสภาที่มีมาร์จิ้น 0%ค่าใช้จ่ายขายและบริหารทรงตัว และรายได้อื่นลดลงเป็น 60ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 เนื่องจากไม่มีเงินปันผลรับจาก GULF
*รับงานใหม่ต่อเนื่อง
STEC ได้มีการรับงานใหม่ต้นปี- ปัจจุบัน 1.4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้งานในมือปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีก 2 โครงการคือ โครงการงานดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) 2 เส้นทาง สายบางปะอิน-นครราชสีมา(M6) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ของกลุ่ม BGSR ซึ่ง STEC ถือหุ้น 10% วงเงินงานโยธาราว 5-6 พันล้านบาท และโครงการสนามบินอู่ตะเภา จะมีวงเงินก่อสร้างในเฟส แรกราว 2 หมื่นล้านบาท หลังเซ็นสัญญาแล้วเสร็จ จะทำให้ STEC มีงานในมือเข้าสู่ระดับแสนล้านบาท รองรับรายได้ต่อเนื่อง 3-4 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดีบริษัทยัคงให้ความสนใจเข้าประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มระยะใกล้คาดเข้าแข่งขัน ร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยายงานโยธา (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม) และงานวางระบบ STEC เข้าประมูลร่วมกับพันธมิตร รวมถึงรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางคือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร- นครพนม
ขณะเดียวกันคาดในปี 2564จะเห็นงานประมูลอื่นเพิ่มจากงานรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย และงานรถไฟทางคู่อีก 7 เส้นทาง ยังเป็นโอกาสในการรับงานใหม่เพิ่มของ STEC ในอนาคต ทั้งนี้ STEC ได้ประกาศซื้อหุ้นบริษัท STIT ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายและให้เช่าเครื่องมือและเครื่องจักรในการก่อสร้าง เพื่อเข้าถือหุ้น 100% จาก STPI คาดหวังช่วยรองรับงานในอนาคต
*ราคาเหมะสม 22 บาท
ทั้งนี้มองผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 อาจยังไม่เด่น ยังมีโครงการรัฐสภาที่ฉุดรั้งระดับมาร์จิ้น อย่างไรก็ดีคาดในปี 2564จะเห็นการฟื้นตัวของระดับมาร์จิ้นทำได้ดีเพิ่มขึ้นหลังงานโครงการรัฐสภาจบลงในช่วงต้นปี และการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่ปลวกแดงคืบหน้าเพิ่ม ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเพิ่มระดับมาร์จิ้ได้ STEC ยังคงจุดเด่นคืองานในมือที่แข็งแกร่งสูงกว่ากลุ่ม พร้อมโอกาสการประมูลงานใหม่ทั้งจากภาคเอกชน และรัฐบาล ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 22.00 บาท (อ้างอิง PBV- 1.50SD ที่ 2.2 เท่า) ปัจจุบันบริษัทซื้อขายในระดับราคา PBV เพียง 1.12 เท่าคิดเป็น PBV -2SD ต่ำสุดจากอดีต ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา