STECดีลบิ๊กดาต้าเซ็นเตอร์ โอกาสคว้างานหนุนพอร์ต
#STEC #ทันหุ้น - STEC เร่งเดินหน้าโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ กับพันธมิตรต่างประเทศ โกยรายได้เข้าพอร์ตปี 2568แย้ม มีการเจรจากับผู้ประกอบการรายอื่น มั่นใจศักยภาพ ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเดินหน้า ทยอยประมูลงาน โบรกมอง STEC จะเน้นโรงไฟฟ้ามากขึ้น หลังจากทำโครงการของ GULF ล่าสุดทำ MOU กับ BGRIM อีกราย ประเมินกำไรไตรมาส 2/2567 โต 10-20% ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่าบริษัทย่อย คือ บริษัท STECON POWER จำกัด ที่มี STEC ถือหุ้น 100% ดำเนินธุรกิจหลักด้านพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ เพื่อก่อสร้างอาคาร Data Center จำนวน 4 อาคาร มูลค่าลงทุนรวม 8,000 ล้านบาท หรืออาคารละ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 เฟส คือ อาคาร A B C และ D คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2568 และรับรู้รายได้เข้ามาให้กับบริษัท
อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าโครงการ Data Center จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยในข้อมูลสูงสุด ที่สำคัญไปมากกว่านั้น ต้องการผลักดันให้ STECON POWER ก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในด้าน Data Center ในอนาคตของภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการเจรจากับผู้ประกอบการData Center รายใหญ่อีกที่จะเข้าไป ดูแลในเรื่องของการก่อสร้าง
*เจรจาพันธมิตรต่อยอด
“ในส่วนของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ขณะนี้ก็เดินหน้าต่อเนื่อง บริษัทได้พันธมิตรรายใหญ่จากต่างประเทศ เข้ามาเป็นพันธมิตร ซึ่ทางบริษัทก็จะดูแลในเรื่องของการก่อสร้าง การใช้เช่าอาคาร ส่วนรายละเอียดด้านอื่น อย่างเรื่องของการใช้ไฟฟ้าก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าในการบริหารจัดการ และเชื่อว่าศักยภาพของบริษัทจะทำให้มีงานใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่อง ปัจจุบันก็มีการเจรจากับพันธมิตรดาต้าเซ็นเตอร์รายใหญ่อยู่ด้วย” นายภาคภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญในส่วนของพลังงานสะอาด โดยลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIMเพราะในส่วนของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ก็มีความจำเป็นต้องใช้พลังงานสะอาดด้วย ซึ่งนับเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและสามารถรองรับ Mega Trend รวมถึงความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศได้ในอนาคต อย่างไรก็ดี ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างก็ยังเดินหน้าตามแผน ปัจจุบันมีการยื่นประมูลโครงการทั้งงานภาครัฐและเอกชนไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 นี้ เพื่อมาสนับสนุนงานในมือให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมี Backlog กว่า 9 หมื่นล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง STEC ยังคงมอง Potential Project สำหรับโครงการปีนี้ออกมาที่ 3.5 แสนล้านบาท และตั้งเป้าหมายงานใหม่ที่ 4-5 หมื่นล้านบาท โดยช่วงกลางปีจะเป็นงานฝั่งเอกชน (สังเกตว่า STEC จะเน้นโรงไฟฟ้ามากขึ้น หลังเห็นทำโครงการของ GULF ล่าสุดมาทำ MOU กับ BGRIM อีกราย) หลังจากนั้นจะเข้าสู่โหมดงานภาครัฐ ซึ่งเร็วๆ นี้จะเห็นรถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย เข้าพิจารณา จากนั้นจะเป็นกลุ่มมอเตอร์เวย์ นอกจากประเด็นนี้ ช่วง 1-2 เดือนนี้ เชื่อว่าจะเห็นการขยับของ Mega Project อาทิ รถไฟความเร็วสูงสามสนามบิน ซึ่งจะเชื่อมโยงมาต่อที่โครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ที่ STEC ก็เข้าร่วมอยู่
*กำไรไตรมาส 2/67 เติบโต
คาดว่าไตรมาส 2/2567 จะมีกำไรหลักเติบโต 10-20% YoY (Turnaround QoQ) จากฐาน GM ใน ไตรมาส 2/2566 ที่ต่ำเพียง 2.1% (ปรับพื้นผิวสายสีเหลืองและค่าซ่อมบึงหนองบอน) และมีรายได้เพิ่มเติมจาก โรงไฟฟ้าที่เข้ามาในสัดส่วนที่มากขึ้น (ในไตรมาส 2-3/2567) และกำไรจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะจะเป็นไปไตรมาสที่มีเงินปันผลรับจาก GULF เข้ามา (มากกว่าปีก่อน)ทั้งนี้ จากตัวเลขผู้โดยสารสายสีเหลือง-ชมพู ที่ลดลงเล็กน้อยใน ไตรมาส 2/2567 (เฉลี่ย QTD) คาดว่าส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม ซึ่งหลักๆ จากรถไฟฟ้าในไตรมาสนี้น่าจะอยู่ในช่วง 140-150 ล้านบาท (ใกล้เคียงกับในไตรมาส 1/67ที่ 145 ล้านบาท) เป้าหมายพื้นฐาน : 12.00 บาท