รีเซต

[Review] Intel 13th Gen Raptor Lake สานต่อความสำเร็จ กับ CPU ที่แรงที่สุดในโลก

[Review] Intel 13th Gen Raptor Lake สานต่อความสำเร็จ กับ CPU ที่แรงที่สุดในโลก
แบไต๋
23 พฤศจิกายน 2565 ( 16:46 )
97
[Review] Intel 13th Gen Raptor Lake สานต่อความสำเร็จ กับ CPU ที่แรงที่สุดในโลก

“Intel Core i9-13900K เป็น CPU สำหรับเล่นเกมที่แรงที่สุด ณ เวลานี้” สำหรับใครที่กำลังมองหาคำตอบ ผมได้สรุปให้เกมเมอร์ทุกคนแล้วในย่อหน้าเดียว เพราะ ณ เวลานี้ ไม่มี CPU ตัวไหนสามารถเอาชนะเจ้า i9-13900K ไปได้แล้วครับ ทั้งในด้านของราคา ความคุ้มค่า และความแรงที่ได้

เมื่อปีก่อน Intel 12th Gen Alder Lake ได้เปิดยุคใหม่ของ CPU โดยนำเสนอสิ่งที่เรียกว่า Performance Core (P-core) และ Efficient Core (E-core) เข้ามา โดยเข้าใจง่าย ๆ ก็คือการนำเอาคอร์เล็กคอร์ใหญ่มาผสมอยู่ด้วยกัน และแบ่งการใช้งานกันอย่างชัดเจน ส่งผลให้ CPU มีประสิทธิภาพต่อคอร์สูงมากยิ่งกว่าเดิม โดยทำงานร่วมกับ ระบบปฏิบัติการภายในที่ออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้เท่านั้นอย่าง Windows 11

ส่งผลให้ Intel 12th Gen Alder Lake นั้นได้รับคำชมจากเหล่านักวิจารณ์และผู้ใช้งานทั่วทั้งโลก และเป็นการ Come Back ของ Intel ในรอบหลายปี และดูเหมือนว่ายุคใหม่ของ CPU ก็กำลังจะมาถึง เพราะ Alder Lake นั้นมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

Intel 13th Gen Raptor Lake คือสิ่งที่จะเข้ามาสานต่อความสำเร็จที่ Alder Lake ได้ทำเอาไว้ โดยพื้นฐานแล้วทั้ง P-core เองก็ยังคงเป็น Golden Cove อยู่เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มประสิทธิภาพให้ใหม่ และตั้งชื่อใหม่เป็น Raptor Cove ในส่วนของ E-core ก็ยังเป็น Gracemont เช่นเดิม แน่นอนว่าชิปทั้งหมดอยู่บนสถาปัตยกรรม Intel 7

หรือถ้าเราจะเรียกว่า Intel 13th Gen Raptor Lake คือ Alder Lake Refresh มันก็ไม่ผิดนัก และถ้าหากเราเอาสเปกของทั้งตัว Gen 12 และ Gen 13 มาวางเทียบกับ ก็จะพบว่า Raptor Lake มันก็คือการเอา Gen 12 มาใส่ E-Core เพิ่ม และเพิ่มขนาด L3 กับ L2 Cache เข้าไป พร้อมขายในราคาเท่าเดิม หรือถูกกว่านั้นเอง ส่งผลให้มันมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมากกว่าเดิม ในการทำงานแบบ multithread ครับ

และเนื่องจากว่าเดิมทีแล้วในช่วง Alder Lake ทาง Intel เองก็ยังใหม่กับเทคโนโลยีนี้อยู่ มันจึงเป็นการลองตลาด และเพื่อหาความเข้ากันได้กับโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เมื่อมาถึงยุค Gen 13 Raptor Lake มันจึงเหมือนเป็นการเปิดประตู่สู่ยุค Hybrid Core ของ Intel ที่แท้จริง

และนั่นทำให้ Intel กล้าที่จะรีดเอาประสิทธิภาพของ Hybrid Core ออกมาสูงที่สุดใน Gen 13 Raptor Lake นี้ เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคตที่กำลังจะมาถึง และงานนี้ต้องบอกเลยว่า ณ เวลานี้ ใครที่ยังไม่ได้ลองสัมผัส Hybrid Core จาก Intel ระวังจะตามโลกไม่ทันนะเออ

เรามาดูข้อมูลของ Intel 13th Gen Raptor Lake กันก่อนเลยดีกว่าครับ

อย่างที่ผมได้บอกไปว่าสเปกภายในของ Raptor Lake มันจะไม่ต่างอะไรกับ Alder Lake มาก อย่างในตัวเรือธงอย่าง Core I9-13900K มาพร้อมกับ 24 Core แบ่งเป็น 8 P-Core และ 16 E-Core ที่ถ้าเอาไปวัดกับ Core I9-12900K นั้นจะมีเพียงแค่ 16 Core แบ่งเป็น 8 P-Core และ 16 E-Core ครับ

และแน่นอนว่าขนาดของ L2-L3 Cache เองก็เพิ่มขึ้นมาเท่าตัวเลยทีเดียว พร้อมความเร็ว Turbo Boost ที่ลากยาวไปถึง 5.8 GHz แถมยังได้รับการคาดเดาจาก Intel ว่าสามารถ Overclock ได้มากถึง 8.7 GHz เลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ก็มีคนทำสำเร็จแล้วด้วยครับ

พลังงานที่ใช้ ถ้าดูจากในใบสเปกแล้วไม่ต่างจากเดิมเท่าไรเลย แต่ที่น่าสนใจก็คือมีการเพิ่ม E-Core เข้ามาเท่าตัวแบบนี้ แต่กลับใช้พลังงานที่ไม่ต่างจากเดิมมาก เป็นเครื่องมือบ่งบอกว่าทาง Intel เองก็แอบกั๊กของไว้เหมือนกันนะตอนที่ออก Alder Lake มา (แอบจิกกัดนิดนึง)

มาดูผลการทดสอบกันเลยดีกว่าครับ สเปกเครื่องที่ผมใช้มีดังนี้

  • CPU: Intel Core I9-13900K และ Intel Core I5-13600K
  • MB: ASUS ROG Strix Z790
  • RAM: Kingston FURY Renegade DDR5 RGB 64GB (16GB*4)
  • GPU: ASUS TUF Gaming GeForce RTX 4080
  • PSU: Corsair RM1000x
  • Cooling: Thermaltake TH360
  • OS: Windows 11

ทาง Intel ใจดีได้ส่ง CPU มาให้ทางเราได้ทดสอบถึง 2 ตัวด้วยกัน การทดสอบครั้งนี้ใช้ในชุดระบายความร้อนด้วยน้ำแบบปิดที่มีพัดลม 3 ตอนนะครับอย่าง Thermaltake TH360 พร้อมกับซิลิโคนตัวเทพอย่าง NZXT THERMAL 3 ที่ผมลองนอกใจจาก Arctic MX-4 มาใช้ดูบ้าง เพราะในผลทดสอบบอกว่าของ NZXT เขาเย็นกว่าจริงนะ (แอบขายของ)

ผลการทดสอบจะแบ่งเป็นสองส่วน นั่นคือ Software Benchmark และ Game Benchmark


Software Benchmark


OCCT Single Thread

OCCT Multiple Threads

PassMark CPU

PC Mark 10

Novabench

AIDA 64


Game Benchmark


ทุกเกมถูกปรับตั้งค่าให้อยู่ในระดับสูงสุด และตั้งความละเอียดไว้ที่ 1080p เพื่อไม่ให้เกิดอาการ bottleneck ขึ้นระหว่างทดสอบนะครับ โดยเกมที่เลือกมาก็จะเป็นเกมยอดฮิตทั้งหลายที่ใช้ในการทดสอบ CPU แน่นอนว่าเกมที่มีตัวเลือกพวก DLSS, Ray Tracing ก็จะทำการปิดให้หมดเลย เพื่อให้วัดประสิทธิภาพของ CPU ออกมาแบบชัด ๆ

โดยผลที่ออกมาชัดเจนว่า I9-13900K นั้นยืนหนึ่ง และรุ่นน้องอย่าง I5-13600K ก็ตามมาติด ๆ และเอาชนะรุ่นเรือธงฝั่งแดงไปได้ในหลาย ๆ เกมอีกด้วย


ความร้อน และการกินไฟ

100c คือความร้อนสูงสุดที่ I9-13900K ไปถึง และกินพลังสูงสุดที่ 294W เอาจริง ๆ ผมก็รู้สึกไม่แปลกใจนัก เพราะนี่คือการงัดเอาประสิทธิภาพของ CPU สถาปัตยกรรมนี้มาให้ถึงขีดสุดเท่าที่จะทำได้แล้วครับ แต่การใช้งานปกตินั้นก็จะขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ที่ 40-52c อยู่ตลอดเวลา นอกจากตอนเล่นเกมที่จะลากยาวไปถึง 60-80c บ้างเป็นเรื่องธรรมดาแล้วแต่เกมนั้น ๆ ไป


โดยรวมแล้ว ต้องบอกเลยนะครับว่าตอนนี้เป็นช่วงขาขึ้นของ Intel อย่างแท้จริง การมาของ Gen 13 Raptor Lake นั่นทำเอาคู่แข่งอย่าง AMD ต้องมีชะงักบ้าง เพราะด้วยราคาและความแรงที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีฐานแฟนคลับที่คอยเอาใจช่วยอยู่มาก และหลาย ๆ คนก็เลือกที่จะใช้ Intel เพราะความชินมาอย่างยาวนานอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ทางเราก็หวังว่า Intel จะรักษามาตรฐานที่ดีแบบนี้เอาไว้ และปล่อยของเด็ด ๆ ออกมาให้ผู้บริโภคอย่างเราไปตลอดด้วยเถอะ !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง