รีเซต

TIPH เปิดผลงานบริษัทลูกโตแรง Spin-Offตามแผน

TIPH เปิดผลงานบริษัทลูกโตแรง Spin-Offตามแผน
ทันหุ้น
29 สิงหาคม 2565 ( 13:36 )
137

#TIPH #ทันหุ้น TIPH โชว์บริษัทลูกอนาคตสดใส ทั้งTIP ISB -TIP IB และ TIPX ที่จะเป็นอีกแกนหลักในการสร้างรายได้ให้ตัวมี่ ชูบริษัท DP Survey และ Amityในสายงาน TIP ISB เติบโตแรงทั้งรายได้กำไร ขณะที่เอราวัณประกันภัยหลังเข้าลงทุนหวังสร้างกำไรได้ทันที พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น InsurVerse เดินเครื่องลุยไตรมาส 4 นี้ ส่วนบ.มีที่มีเงิน พร้อมเป็นหนึ่งในกลไกหนุน TIPH โตแบบยั่งยืน

 

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวว่า บริษัทที่ได้มีการเข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้สามารถทำผลประกอบการได้เป็นที่น่าพอใจ ทั้งในส่วนของ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด (Amity) และ บริษัท ดีพี เซอร์เวย์แอนด์ลอว์ จํากัด (DP Survey)ที่หลังเข้าไปปรับโครงสร้างการดำเนินงานก็สามารถทำรายได้เติบโตกว่าอดีตมาก

 

นอกจาก บริษัท ทิพยประกันภัย จะเป็นแกนหลักสร้างรายได้ให้กับ TIPH แล้ว ทั้ง Amity และ DP Survey ที่ซึ่งลงทุนผ่าน บริษัทลูก ทิพ ไอเอสบี (TIP ISB) ก็จะเป็นอีกแกนหลักสำคัญในการสร้างรายได้เข้า TIPH เช่นกัน สะท้อนจากเป้าหมายในการผลักดันบริษัทภายใต้กลุ่ม TIP ISB ทั้ง DP Survey และ Amity เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Spin-Off)

 

ปลื้มบ.ลูกแกร่ง

ดร.สมพร กล่าวต่อไปว่า DP Survey ทำธุรกิจด้านบริหารจัดการเคลม หลังจากที่เราเข้าไปลงทุนได้ปรับโครงสร้างการดำเนินงานทุกมิติ ทั้งแสวงหาโอกาสใหม่ๆ การหางานเข้ามาในบริษัท การปรับระบบหลังบ้าน ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีรายได้ส่วนนี้เพิ่ม 31% คือ จาก 122 ล้านบาท เป็น 160 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินการ 13.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนซึ่งมีกำไรที่ 1.2 ล้านบาท

 

“ขณะที่ โบรกเกอร์ประกัน Amityเราเข้าไปปรับโรงสร้างการดำเนินงานใหม่หมดเช่นกัน ทำให้ 6 เดือนแรกเรามีเบี้ยประกันที่ 192.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนซึ่งมีเบี้ย 103.4 ล้านบาท ในส่วน Amityมีกำไร 6 เดือนแรก 9.6 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันปีก่อนที่กำไร 1.8 ล้านบาท”

 

ดร.สมพร กล่าวว่า Amity ยังคงมีโอกาสเติบโตสูง จากการที่บริษัทเดินหน้าแสวงหาช่องทางขาย และตลาดใหม่ ๆ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีการลงทุนทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนเกิดขึ้น ขณะที่การกลับมาของภาคท่องเที่ยวทำให้ธุรกิจโรงแรม เริ่มมีการปรับปรุงสถานที่ ห้องพัก หลังจากไม่ได้รับนักท่องเที่ยวมานาน รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆที่กลับมาเดินเครื่องตามปกติ ทำให้เป็นโอกาสของ Amityที่จะเข้าไปเสนองานรับประกันภัย

 

TIP ISB ยังมีบริษัทลูก TIP Academyซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์ฝึกอบรมให้กับตัวแทน นายหน้าโบรกเกอร์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ดร.สมพร กล่าวว่า ตอนที่เข้าไปลงทุนแรกๆ บริษัทนี้มีรายได้ 9 ล้านบาท แต่เพียง 2 เดือนแรกของปีนี้ ทำรายได้แล้ว 10 ล้านบาท กำไรจาก 7 แสนก็เพิ่มเป็น 2 ล้านบาท โต 186%

 

หวัง InsurVerseกำไรทันที

ในส่วนของบริษัทลูกอีกแห่งคือ บมจ.ทิพ ไอบี หรือ TIP IB นั้น ล่าสุดเพิ่มเข้าลงทุนใน บมจ. เอราวัณประกันภัย ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 80% คาดว่าจะทำการลงทุนแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2564 โดยการลงทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทประกันภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบ (Pure Digital Insurance Company) แห่งแรกของประเทศไทย

 

ดร.สมพร กล่าวว่า เอราวัณประกันภัย จะเปลี่ยนเป็นบริษัทประกันภัยดิจิทัลแห่งใหม่ ในชื่อ “InsurVerse” คาดว่าผลิตภัณฑ์ประกันภัยตัวแรกจะสามารถขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในไตรมาส 4 ปีนี้เป็นต้นไป และยังตั้งเป้าหมายที่จะทำกำไรให้ได้ทันทีหลังจากเริ่มดำเนินธุรกิจ รวมทั้งจะเดินหน้าผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป

 

ลุยธุรกิจสินเชื่อ

อีกทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังได้ตั้ง บริษัท ทิพยเอกซ์โพเนนเชียล จำกัด หรือ TIPX ขึ้นมาเพื่อลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับประกันภัย โดยล่าสุดเข้าไปลงทุนใน บริษัท มีที่มีเงิน จำกัด (เดิมชื่อ บจ. บีซีวี ไบโอเบส) ประกอบธุรกิจสินเชื่อที่ดิน และขายฝากที่ดิน โดยเป็นการร่วมทุนกับ ธนาคารออมสิน และ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP

 

สำหรับ บจ.มีที่ มีเงิน จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยการร่วมทุนของธนาคารออมสิน ในสัดส่วน 49% กับ บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือTIPH  31% และ กลุ่มบริษัท บาง) หรือ BCP  20% โดยธนาคารออมสินทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อ

 

ปัจจุบัน THIP มีบริษัทลูก 4 แห่ง คือ บมจ. ทิพยประกันภัย หรือTIP บริษัท TIP ISB เน้นลงทุนในบริษัทหรือธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัย, บริษัท TIP IB เน้นการลงทุนในบริษัทประกันภัย และล่าสุด บริษัท TIPXดำเนินธุรกิจด้านบริหารจัดการลงทุน และถือหุ้นในบริษัทอื่น โดย  THIPนั้นยังคงเน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักด้วยสัดส่วน 75% ส่วนอีก 25% จะลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับประกันภัย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง