พิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน เกษตรกรอ่วมปุ๋ยราคาพุ่ง 200% เล็งหาแหล่งนำเข้าใหม่

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ 3 สมาคมผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และนำเข้าปุ๋ยเคมี ประกอบด้วยสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร เพื่อหารือสถานการณ์ปุ๋ยเคมี ว่า ทุกสมาคมยืนยันว่าปุ๋ยมีเพียงพอสำหรับฤดูกาลเพาะปลูกที่จะเริ่มเดือนพฤษภาคมนี้ มั่นใจว่าช่วงครึ่งแรกปีนี้จะไม่มีปัญหาปุ๋ยขาดแคลน จากนั้นสถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 3-4

“ผู้ประกอบการได้ยืนยันจะเร่งนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะสะดุดบ้าง เพราะแหล่งนำเข้าสำคัญหลายแห่งมีปัญหาจากผลกระทบของสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งผู้ประกอบการได้แก้ปัญหาด้วยการมองหาแหล่งนำเข้าอื่นๆ ทดแทน เช่น ซาอุฯ ที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญอีกแหล่งหนึ่งของโลก”นายวัฒนศักย์กล่าว

นายวัฒนศักย์กล่าวว่า สำหรับการปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมีตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น กรมขอให้ผู้ประกอบการส่งต้นทุนมาให้แล้ว โดยจะพิจารณาตามต้นทุนที่แท้จริง ไม่ใช่ให้ปรับขึ้นเท่ากันหมด เพราะผู้ประกอบการแต่ละราย ปุ๋ยแต่ละชนิด มีต้นทุนไม่เท่ากัน ที่สำคัญการปรับขึ้นราคา ต้องไม่เป็นภาระกับเกษตรกรมากเกินไป แต่หากไม่ให้ปรับขึ้นราคา จะมีปัญหาสินค้าขาดแคลน จะเป็นปัญหาใหญ่ตามมาได้

“ผู้ประกอบการแจ้งว่าปุ๋ยสูตรหลักๆ มีการปรับสูงขึ้น เช่น ปุ๋ยยูเรีย ราคา FOB อยู่ที่ 960-1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน ฟอสเฟต อยู่ที่ 1,100-1,200 เหรียญสหรัฐต่อตัน และโพแทสเซียม อยู่ที่ 950-1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาสูงขึ้นจากเดิม 100-200% แต่ในการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคา จะให้ขึ้นตามต้นทุนเลย เป็นไปไม่ได้ เพราะยังมีสต๊อกเก่าอยู่ แต่จะพิจารณาให้ตามความเหมาะสม” นายวัฒนศักย์กล่าว