จับตา!โควิดสายพันธุ์บราซิล แพร่กระจายเร็ว คาดรุนแรงกว่าเดิม
ข่าววันนี้ 27 เม.ย.64 ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า นอกจากสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์แอฟริกาที่มีการระบาดในหลายประเทศ ตอนนี้ต้องเฝ้าระวังจับตาในสายพันธุ์บราซิล ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่พบในบราซิล คือ P.10 พบว่าแพร่กระจายได้เร็ว พบว่า ภายใน 7 สัปดาห์ สายพันธุ์ P.1 กลายเป็นสายพันธุ์ที่พบมากถึงร้อยละ 87 ในบราซิล โดยสายพันธุ์นี้ คาดการณ์ว่าจะมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่น
และขณะนี้ได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศแล้ว เช่น ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร โดยปลายเดือนมีนาคม 2564 ตรวจพบสายพันธุ์ P.1 ใน Wisconsin สหรัฐอเมริกา ซึ่งสองประเทศนี้พยายามเต็มที่ในการป้องกันสายพันธุ์บราซิลไม่ให้มีการระบาดมากขึ้น
ขณะนี้ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนที่ทั่วโลกใช้มากที่สุด มีการใช้เวลากว่า 91 ประเทศ มีการศึกษาระยะที่ 3 ใน 15 ประเทศ วัคซีนตัวที่ 2 คือ วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเทค ที่มีการใช้ไปกว่า 83 ประเทศ มีการศึกษาระยะ 3 ไป 12 ประเทศ ถัดไปเป็นวัคซีนของรัสเซีย สปุตนิกวี มีการใช้ไปกว่า 62 ประเทศ ถัดไปคือวัคซีน โมเดินนา ของสหรัฐอเมริกาเป็น ชนิด mRNA มีการใช้กว่า 46 ประเทศ และใช้ในระยะที่ 3
ส่วนข้อพึงระวังของประเทศไทยสำหรับการกลายพันธุ์ของเชื้อ covid19 สายพันธุ์ใหม่ที่สำคัญ คือ
- สายพันธุ์ b.1.1.7 สายพันธุ์สหราชอาณาจักร เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดิม พบว่าแพร่ระบาดกระจายเร็วขึ้นแต่ไม่พบว่ามีความรุนแรงมากขึ้น โดยรายงานล่าสุดจากสหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นว่าอาจทำให้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น สายพันธุ์นี้มีการระบาดในประเทศไทยแล้ว
- สายพันธุ์ b.1351 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดิม พบว่าแพร่กระจายเร็วขึ้น แต่ข้อมูลล่าสุดพบว่าไม่เพิ่มความรุนแรง
- สายพันธุ์ P.1 สายพันธุ์บราซิล ที่พบเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดิมพบว่าแพร่กระจายเร็วขึ้นและมีโอกาสติดเชื้อซ้ำ สายพันธุ์นี้ยังไม่พบในไทย b.1.427 และ b.1.429 พบที่สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ อาจมีความสัมพันธ์กับการแพร่ระบาดง่ายขึ้นในสหรัฐอเมริกา
- สายพันธุ์อินเดีย b.1.617 สายพันธุ์อินเดียพบในอินเดียเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว
ข้อพึงระวังของประเทศไทยขณะนี้ ทั่วโลก ยังคงเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ประชาชนคนไทยจะประมาทต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ปัจจัยแรก คือ สายพันธุ์ไวรัสมีการกลายพันธุ์ ซึ่งการกลายพันธุ์นี้เข้ามายังประเทศไทยแล้ว และการระบาดรอบนี้มีผู้ป่วยหนักมากขึ้น
ข้อมูลจากศิริราชฯในเวลานี้ ผู้ติดเชื้อ 1 ใน 4 ที่มารับการรักษา มีภาวะปอดอักเสบมากขึ้น มีคนไข้ผู้ป่วยหนักที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้น ตอนนี้ผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นโรงพยาบาลหลายแห่ง อยู่ระหว่างการเพิ่มจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยวิกฤต เตียงอาจจะขยายได้แต่คนที่จะดูแลอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งต้องใช้ผู้เชีชาญในการดูแลเฉพาะ
ปีที่ผ่านมาศิริราชไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เสียชีวิตเลย แต่ปีนี้เสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย ยาที่ต้องใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงยังคงเป็นยาหลัก คือฟาวิพิราเวีย ที่ต้องให้เร็วหากผู้ป่วยมีอาการแย่ลงต้องรีบให้ยาทันที โดยขณะนี้มีการแย่งสั่งซื้อยาและมีการควบคุมการจำหน่ายของประเทศผู้ผลิตแล้ว
ที่สำคัญคือ ขณะนี้ทรัพยากรไม่เพียงพอกับความต้องการเช่นบุคลากรทางด้านสุขภาพอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดูแลผู้ป่วยหนัก
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ย้ำว่า วัคซีนยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับการแพร่ระบาด การฉีดวัคซีนจะเห็นผลเมื่อประชากรอย่างน้อยร้อยละ 25 ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งการฉีดวัคซีนได้เร็วและฉีดได้มาก จึงเป็นสิ่งจำเป็นวัคซีนที่มีการใช้ในปัจจุบันมีความปลอดภัยสูง
ช่วงสงกรานต์หยุดยาวที่ผ่านมาจึงเป็นการตอกย้ำ ถึงความเสี่ยง คือ บุคคลเสี่ยงสถานที่เสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง และช่วงเวลาเสี่ยง ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด จึงอยากให้เป็นบทเรียนเตือนทุกคนถึงความเสี่ยงที่นำมาสู่การแพร่ระบาด จึงเป็นที่มาของตัวเลขที่เห็นผู้ติดเชื้อ 2,000 กว่าคน เกิดขึ้นเมื่อช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการทำกิจกรรมหรือการไปสถานที่เสี่ยงต่อไปหากมีวันหยุดยาว ขอให้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ยังระบุถึงสถานการณ์วิกฤต covid-19 ว่า องค์การอนามัยโลกได้ออกคำเตือนโดยระบุว่า 8 สัปดาห์ต่อเนื่องของการเกิดการติดเชื้อ covid 19 มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน อัตราการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันถึง 5 สัปดาห์
โดยขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 3 ล้านคน โดย 1 ล้านแรก ใช้ระยะเวลา 9 เดือน 1 ล้านที่ 2 ถัดมา ใช้เวลาแค่ 4 เดือน และ 1 ล้านที่ 3 ใช้เวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น ถือว่าในช่วงที่ผ่านมาอัตราการเสียชีวิตเร็วขึ้น องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีอายุน้อยลง
โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า สอดคล้องกับประเทศไทย ที่พบว่าช่วงที่ผ่านมาช่วงอายุที่ติดเชื้อมากขึ่น อยู่ที่ 20-39ปี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกโดย
องค์การอนามัยโลก ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอายุน้อยลงนั้น เนื่องมาจาก ผู้สูงอายุได้รับการฉีดวัคซีนและมีการป้องกันตัวเอง โดยอยู่กับบ้าน แต่ขณะเดียวกันคนกลุ่มหนุ่มสาวที่ยังต้องออกไปทำงานนอกบ้าน หรือไปทำกิจกรรมข้างนอก อาจจะเป็นกลุ่มที่ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ
แต่ครั้งนี้ที่องค์การอนามัยโลกต้องประกาศเตือนเพราะว่าไม่ได้เพียงแค่ติดเชื้ออย่างเดียว แต่มีเรื่องขออัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น