รีเซต

ชาติพัฒนาถอยหนึ่งก้าว เลือกตั้ง 69 เกมใหญ่สามขั้ว ใครอยู่ก็ได้เปรียบ

ชาติพัฒนาถอยหนึ่งก้าว เลือกตั้ง 69 เกมใหญ่สามขั้ว ใครอยู่ก็ได้เปรียบ
TNN ช่อง16
18 ธันวาคม 2568 ( 19:24 )
11

การยุบสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ไม่เพียงเร่งเครื่องบรรยากาศการเมืองเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ แต่ยังบีบให้หลายพรรคต้องตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพรรคขนาดกลางและเล็กที่ต้องประเมินศักยภาพตนเองท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 พรรคชาติพัฒนาได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคนัดพิเศษ ที่บ้านเลขที่ 333 ถนนราชวิถี เพื่อกำหนดทิศทางการเมืองหลังการยุบสภา ก่อนที่ กกต. จะเปิดสนามเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 โดยมีแกนนำและอดีต สส. ของพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมหน้า

หลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง 15 นาที นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา แถลงผลการประชุมอย่างชัดเจนว่า พรรคมีมติไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยให้เหตุผลหลักมาจากโครงสร้างการแข่งขันทางการเมืองที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

การเมืองสามขั้ว จุดเปลี่ยนที่พรรคเล็กเสียเปรียบหนัก

นายสุวัจน์อธิบายว่า การเลือกตั้งปี 2569 เป็นครั้งแรกในประสบการณ์ทางการเมืองยาวนานตั้งแต่ปี 2531 ที่การแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงสองพรรคใหญ่ แต่กลายเป็นการต่อสู้ของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ถึงสามพรรคพร้อมกัน สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกมการเมืองเข้มข้น ดุเดือด และเร่งเร้าให้เกิดการเคลื่อนไหวสูง ทั้งการย้ายพรรคและการจัดวางกำลังในพื้นที่

ภายใต้ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน พรรคขนาดเล็กยิ่งเสียเปรียบมากขึ้น ทั้งในส่วนของ สส. เขต และ สส. บัญชีรายชื่อ ขณะเดียวกัน การยุบสภาแบบกระทันหันยังทำให้กระบวนการเตรียมความพร้อม เช่น ไพรมารีโหวต มีข้อจำกัดด้านเวลาอย่างมาก

อีกปัจจัยสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือสถานการณ์ภายนอกประเทศ ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นโดยรวม นายสุวัจน์ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องได้รัฐบาลที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองและการบริหารประเทศได้

พรรคถอย แต่เปิดทางบุคคลเดินหน้า

จากเหตุผลทั้งหมด พรรคชาติพัฒนาจึงตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัคร สส. ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ยืนยันว่าพรรคยังคงอยู่ และไม่ได้ยุติบทบาททางการเมือง พร้อมเปิดทางให้อดีต สส. และแกนนำพรรคใช้ดุลยพินิจตัดสินใจทางการเมืองของตนเองเป็นรายบุคคล

นายสุวัจน์ย้ำว่าตนยังคงทำหน้าที่ประธานพรรค และจะช่วยดูแลการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตามแนวทางที่อดีตหัวหน้าพรรคเคยวางไว้ พร้อมให้การสนับสนุนนักการเมืองรุ่นน้องต่อไป

สำหรับกระแสข่าวการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย นายสุวัจน์ระบุว่าไม่ใช่มติพรรค แต่เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของแต่ละคน เช่น กรณีอดีต สส. ที่เลือกย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าบุคลากรของพรรคมีคุณภาพ ทำงานพื้นที่ต่อเนื่อง และเป็นที่ยอมรับของประชาชน

ศึกสามพรรคใหญ่ เดิมพันรัฐบาลหน้าใหม่

ในมุมประเมินภาพรวม นายสุวัจน์มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้แบบสามขั้วอย่างแท้จริง พรรคใหญ่ทั้งสามมีศักยภาพใกล้เคียงกัน และต้องแย่งชิงชัยชนะเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยเชื่อว่าทุกพรรคจะอยู่ในระดับใกล้ 100 เสียงขึ้นไป การจัดตั้งรัฐบาลและเสถียรภาพทางการเมืองจึงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของพรรคใหญ่เป็นหลัก

ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ ระบุว่า อดีต สส. และสมาชิกพรรคจะต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง หากจะย้ายพรรคควรไปเป็นกลุ่มก้อน พร้อมยืนยันว่าหลายคนยังพร้อมลงสมัครเลือกตั้งต่อ ขณะที่นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ปฏิเสธข่าวย้ายไปพรรคกล้าธรรม โดยระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ และต้องการหารือร่วมกับเพื่อนร่วมพรรคก่อนกำหนดทิศทางทางการเมือง

บทสรุปของการ “ถอยอย่างมียุทธศาสตร์”

การตัดสินใจของพรรคชาติพัฒนาในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การถอนตัวจากการเมือง หากแต่เป็นการถอยเชิงยุทธศาสตร์ท่ามกลางสมรภูมิการเลือกตั้งที่เปลี่ยนรูปแบบอย่างสิ้นเชิง เปิดพื้นที่ให้บุคลากรของพรรคปรับตัวเข้าสู่เกมใหญ่ ขณะที่โครงสร้างการแข่งขันกำลังถูกขับเคลื่อนโดยพรรคการเมืองขนาดใหญ่เป็นหลัก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง