เปิดโปงเครือข่ายไทเกอร์ควีนส์ ลอบค้าเสือ ส่งจาก ลาว-ไทย จนร่ำรวย
เปิดโปงเครือข่ายไทเกอร์ควีนส์ - อินดีเพนเดนต์ รายงานเชิงสืบสวนสอบสวน พบเครือข่ายค้าสัตว์ป่า “ไทเกอร์ ควีนส์” ร่ำรวยจากการลักลอบค้าเสือในลาวและไทย โดยเพาะเลี้ยงขึ้นมาเพื่อทำเงินโดยเฉพาะ คล้ายกับเรื่องราวในซีรีส์สารคดีอาชญากรรมเรื่อง Tiger King (ไทเกอร์ คิง) ทางเน็ตฟลิกซ์
ความต้องการบริโภคเนื้อและอวัยวะเสือของจีนและเวียดนามเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนประชากรชนชั้นกลางที่มากขึ้น เพราะบางคนเชื่อว่ากินอวัยวะเสือแล้วจะทำให้พละกำลังแข็งแกร่งดั่งเสือและนิยมนำกระดูกหรืออวัยวะต่างๆ ของเสือมาปรุงเป็นยาแผนโบราณ
แหล่งส่งออกในลาวและไทยใช้ช่องโหว่ของกฎหมายส่งสินค้าไปถึงมือผู้บริโภคและยังใช้ของเลียนแบบที่นำเข้ามาจากแอฟริกาอีกด้วย
“ฟรีแลนด์” องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรทำงานเพื่อต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าและองค์กรการกุศล “รณรงค์หยุดค้าสัตว์ป่า” เชื่อว่า “ไทเกอร์ ควีนส์” หรือ เหล่าราชินีเสือ เป็นเครือข่ายค้าเสือที่กระจายอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โกยรายได้มหาศาลจากการค้าเสือ
เครือข่ายบางแห่งผสมพันธุ์เสือและโฆษณาว่าเป็น “สวนเสือ” หรือสวนสัตว์ อ้างเหตุผลด้านการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ แต่แท้จริงแล้วเพาะเสือเพื่อขายเสือและอวัยวะ ซึ่งอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายในลาวและการคอร์รัปชันแสวงหาประโยชน์จากสัตว์ป่าที่กำลังสูญพันธุ์
สตีฟ กัลสเตอร์ ผู้ก่อตั้งฟรีแลนด์ กล่าวว่าพ่อค้าคนกลางในลาวใช้ฟาร์มเสือเป็นช่องทาง “ตบตา” ทำให้ดูเหมือนว่าสัตว์ป่าที่ลักลอบข้ามพรมแดนมาจากไทยไปยังลาวเป็นสัตว์ที่เพาะเลี้ยงขึ้นเองในฟาร์มของลาวพร้อมทั้งเอกเอกสารกำกับ
นอกจากนี้ การเพาะสัตว์ป่ายังเป็นการลดการพึ่งพาชาวไทยที่จัดหาสัตว์ป่าในไทย
ฟรีแลนด์เปิดเผยว่าเมื่อปีที่แล้วฟาร์มเสือในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งมีพรมแดนติดกับลาว มีเสือประมาณ 30 ตัวและส่งลูกเสือมีชีวิตและเสือโตเต็มวัยข้ามไปยังลาว อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ยังพบซากเสือ 6 ตัวและหัวเสือ 6 หัวในที่เกิดเหตุจากการตรวจสอบดีเอ็นดีของเสือที่มีชีวิตปรากฏว่าเสือ 3 ตัวมียีนที่ไม่ตรงกับเสือตัวอื่น แสดงว่าเสืออาจถูกจับมาจากที่อื่น
ส่วนในลาว พบว่าบริษัทแห่งหนึ่งมีความเกี่ยวพันกับฟาร์มเสือและฟาร์มลิง โดยเจ้าของกิจการมีศักดิ์เป็นลูกสะใภ้ของอธิบดีกรมศุลกากร สปป.ลาว
แม้ว่าทั้งลาวและไทยมีกฎหมายที่ผูกพันกับอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส แต่ยังมีช่องโหว่อยู่
องค์กรตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม - Environmental Investigation Agency หรือ EIA รายงานเมื่อปี 2561 ว่าใบอนุญาตให้เพาะและขนส่งเสือทำได้ง่ายมากและไม่มีกฎระเบียบป้องกันไม่ให้มีสินค้าที่มีส่วนประกอบจากเสือวางขายในตลาด
ส่วนช่องโหว่ที่เป็นทำเลทอง คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ริมแม่น้ำโขง แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามกับจ.เชียงรายของไทย พื้นที่นี้เป็นของลาวก็จริง แต่ปล่อยให้บริษัท คิงส์ โรมัน กรุ๊ป ที่จดทะเบียนในฮ่องกงทำสัญญาเช่า 99 ปี
ด้านกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา คว่ำบาตรบริษัทนี้เพราะเกี่ยวข้องกับกิจการผิดกฎหมาย รวมทั้ง ลักลอบขนส่งยาเสพติด มนุษย์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ พร้อมทั้งระบุว่า จ้าว เว่ย มหาเศรษฐีคุมพื้นที่นี้ ส่วน ซู กุ้ยชิน ภรรยา ฉายา “ราชินีเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ” ได้ประโยชน์ทำกำไรมหาศาลจากการลักลอบค้าสัตว์ป่า รวมทั้ง หมีดำ ตัวนิ่ม เสือ แรดและช้าง
เด็บบี แบงก์ จากอีไอเอกล่าวว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำหาซื้อผลิตภัณฑ์จากเสือได้ง่ายมาก รวมทั้ง ไวน์กระดูกเสือซึ่งชาวเวียดนามนิยมบริโภค
เนื่องจากชาวเวียดนามนิยมบริโภคไวน์กระดูกเสือ วิไซ แก้วสว่าง ชาวลาว หาทางรวยจากธุรกิจนำเข้ากระดูกสิงโตจากแอฟริกาซึ่งราคาต่ำกว่ากระดูกเสือ 25 เท่า นำมาดองไวน์แล้วหลอกว่าเป็นไวน์กระดูกเสือ แต่นายวิไซหลบหนีไป หลังจากถูกเปิดโปงความจริง
เด็บบี แบงก์ จากอีไอเอ กล่าวเพิ่มเติมว่าหากไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ ผู้บริโภคจะไม่มีทางทราบความแตกต่างระหว่างกระดูกเสือกับกระดูกสิงโต ยิ่งในช่วงการระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคหันไปสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์แทบทั้งหมด
//////////////
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โควิด-19 : เหตุใดการห้ามค้าเนื้อสัตว์ป่าของจีน อาจไม่ช่วงคุ้มครองชีวิตสัตว์ป่าได้จริง