สธ.เปิดแผน 3 แนวทาง จัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่ม 35 ล้านโดส

วันนี้ (22 เม.ย.64) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงความคืบหน้า การพบอาการไม่พึ่งประสงค์หลังจากกการฉีดวัคซีนที่ จ.ลำปาง ที่มีอาการคล้ายหลอดเลือดสมอง 40 รายนั้น เบื้องต้นไม่เป็นความจริง โดยมีเพียงรายเดียวที่มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนรายอื่นมีอาการชาเล็กน้อยตามมือเท้าเท่านั้น โดยวันนี้ สสจ. ทั่วประเทศได้ดำเนินการฉีดวัคซีนต่อไป 

สำหรับข้อสรุปจากคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019  ที่ได้มีการร่วมประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรี  ทั้งภาครัฐและเอกชนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถึงการจัดหาวัคซีน 35 ล้านโดสนั้น โดยเป็นการจัดหาเพิ่มเติ่มจากที่มีอยู่ 65 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุม แผนการฉีดประชากรในประเทศ  

สรุปได้ 3 แนวทาง คือ

1. ให้ภาครัฐ โดยองค์การเภสัชกรรมไปจัดหาจัดซื้อเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าในการพูดคุยหลายบริษัท

2. ทางภาคเอกชนโดยหอการค้าไทย ยินดีที่จะบริจาคเงินให้รัฐบาลไปซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น พนักงานในโรงงาน อีก 10 ล้านโดส

3. ทางโรงพยาบาลเอกชน เสนอจะขอจัดซื้อวัคซีนโควิดเอง เพื่อนำไปฉีดให้บริการกับประชาชนที่มาเข้ารับบริการในสถานพยาบาลเอกชน

แต่ทั้งนี้การฉีดวัคซีน จะอยู่ภายใต้กฎกติกาเดียวกันที่กรมควบคุมโรคดูแล และระบบการทำงานจะต้องมีการเชื่อมต่อกัน เช่นการออกหนังสือรับรองหลังจากการรับวัคซีน รวมถึงระบบติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังจากการฉีดวัคซีน

ส่วนกรณีการเจรจากับบริษัทไฟเซอร์ วันนี้ทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือเรียบร้อยแล้ว ทราบว่าเป็นไปได้ด้วยดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นข้อกำหนดของทางบริษัท 

ทั้งนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยอมรับ การจัดหาวัคซีนในระยะต่อไปต้องนำประเด็นเรื่องเชื้อกลายพันธุ์มาพิจารณาร่วมด้วย เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคใหม่ และวัคซีนโควิด19 ที่มีอยู่ในท้องตลาดก็ยังเป็นวัคซีนใหม่ ที่ยังต้องมีการปรับพัฒนาวิจัยวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

ส่วนสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิดในรอบ 24 ชั่วโมงในที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 152,230 โดส ทำให้ยอดรวมฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์- 21 เมษายน 864.840 โดส ใน 77 จังหวัด  โดยจะเห็นว่าเมื่อประเทศไทยมีวัคซีนโควืด-19 ในระบบมากขึ้น ก็จะทำให้ปริมาณการฉีดวัคซีนในแต่ละวันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

ทั้งนี้ ยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ของไทยที่นำเข้ามาแล้วในหลายล็อต ไม่ได้หายไปไหน โดยการฉีดวัคซีนโควิดยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย 

ขณะที่ สถานการณ์การติดเชื้อโควิค 19 ในประเทศไทยและรอบนี้ จะเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเข้าสู่จุดสูงสุดของการแพร่ระบาดโรคแล้ว เริ่มคงที่ ซึ่งหากประชาชนทุกคนร่วมกัน คาดว่า 1-2 สัปดาห์ จะเห็นแนวโน้มยอดผู้ติดเชื้อที่ดีขึ้น 

สำหรับอาการผู้ป่วยที่แพ้รุนแรง หลังจากได้รับวัคซีน ในรายที่ 8-13 เบื้องต้นอาการกลับมาเป็นปกติแล้ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้นำวัคซีนล็อต j202103001 ไปตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการ ผลตรวจสอบ ยังไม่พบความผิดปกติ โดยวัคซีนในล็อตดังกล่าว ได้ฉีดไปแล้ว 300,000 ราย ยังไม่พบความผิดปกติอะไรเพิ่มเติม ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนต่อไปได้ แต่ให้ระมัดระวัง รวมถึงให้ความรู้กับผู้ที่รับวัคซีนและเคร่งครัดในเรื่องของการฉีด

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิดไปหลายแสนคนแล้วเกิดอาการคล้ายหลอดเลือดสมองนั้น ในจำนวน 6 ราย ลักษณะส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุไม่มาก เป็นกับวัคซีนหลายล็อต เกิดเร็วหลังฉีดวัคซีน มีอาการระบบประสาท อาการส่วนใหญ่จะหายเองกลับมาเป็นปกติได้ บางรายได้รับการรักษา หรือบางรายไม่ได้รับการรักษาก็สามารถหายเองได้ ถ่ายภาพเอ็กซเรย์ MRI มักไม่พบความผิดปกติกายภาพ 

ทั้งนี้ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลักการฉีดวัคซีนจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือไม่รุนแรง กับรุนแรง  โดยหากพบอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงจะนำเข้าคณะกรรมการพิจารณา โดยจะมีการวินิจฉัยอยู่ 3 ประเภท คือ อาการนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน หรือน่าจะเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน หรือเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน 

หากพบว่า น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนจะพิจารณาให้ฉีดวัคซีนต่อไป เนื่องจากประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่า แต่หากเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนก็จะให้หยุดการฉีดวัคซีนชั่วคราว หรือ หยุดการฉีดวัคซีนถาวร 

อธิบดีกรมควบคุมโรค ยังได้อธิบายถึง ปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับความครียดหลังจากการฉีดวัคซีน สามารถเกิดขึ้นได้ หลายคนอาจมีความฝั่งใจกับการรับวัคซีนที่ผ่านมา ในอนาคตอาจจะมีการประเมินสุขภาพจิตใจของผู้ที่จะรับเข้ากันฉีดวัคซีน