ลุ้นรัฐคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมดันบาทแข็งช่วงสั้น
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า กรอบค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 29.95-30.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐตลาดการเงินโดยรวมกลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) ท่ามกลางความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯใหม่จากรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังคนล่าสุด แม้ว่า ถ้อยแถลงบางส่วนของรัฐมนตรีคลังจะสะท้อนว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะยังคงดำเนินต่อไป และกระทรวงการคลังก็อาจพิจารณาการนโยบายขึ้นภาษีในอนาคตก็ตาม
ภาพดังกล่าวทำให้ ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 0.8% ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI กว่า 1.3% สู่ระดับ 53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ดี แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นทำนิวไฮ แต่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างบอนด์ 10 ปี กลับไม่ได้เคลื่อนไหวตามสภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดมากนัก โดยยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 0.03% สู่ระดับ 1.09% สะท้อนว่า ความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯอาจได้สะท้อนในการปรับตัวขึ้นของยีลด์10ปีไปมากแล้ว
ส่วนในฟากตลาดค่าเงิน ผู้เล่นในตลาดกลับมาลดสถานะการถือครองเงินดอลลาร์ หลังรัฐมนตรีคลังเจเน็ต เยลเลนต้องการที่จะให้เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ราว0.3% โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงมาที่ระดับ 90.50 อีกครั้ง
สำหรับวันนี้ตลาดจะติดตามการเข้ารับตำแหน่งของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน รวมถึง นโยบายต่างๆ ที่จะถูกผลักดันออกมาในช่วงระยะเวลา 100 วันแรกของการทำงาน โดยเฉพาะ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินกว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่า เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ หากสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลายลง และเริ่มเห็นภาพการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโจ ไบเดน
ส่วนระยะสั้นภาพตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการปรับฐาน หากตลาดผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่อาจเผชิญแรงกดดันจากพรรครีพับลิกัน และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอาจออกมาแย่กว่าคาด ซึ่งภาพดังกล่าวสามารถหนุนให้ เงินดอลลาร์พร้อมกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ ตามความต้องการหลบความเสี่ยงในสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) ชั่วคราว
ส่วนในฝั่งเงินบาททิศทางเงินบาทยังขึ้นอยู่กับแนวโน้มฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติซึ่งก็ขึ้นกับสถานการณ์โควิด-19ในประเทศ โดยในระยะสั้น ต้องจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่คาดว่า รัฐบาลจะประกาศภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจช่วยหนุนให้เงินบาท แข็งค่าขึ้นในระยะสั้นได้
ทั้งนี้มองว่าเงินบาทอาจไม่แข็งค่าไปมาก เพราะผู้นำเข้าก็รอซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ หากเงินบาทใกล้ระดับ 30.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผู้ส่งออกก็รอขายเงินดอลลาร์ที่ระดับ 30.15-30.20 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เงินบาทจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบต่อไป
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE