'สหราชอาณาจักร' จ่อทดลองนำโควิด-19 'เข้าร่างกายมนุษย์' ครั้งแรกของโลก
ลอนดอน, 18 ก.พ. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (17 ก.พ.) ราชวิทยาลัยลอนดอนของสหราชอาณาจักร ประกาศว่าสหราชอาณาจักรจะเป็นประเทศแรกที่ดำเนินการทดลองนำเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ หากหน่วยงานด้านจริยธรรมการทดลองทางคลินิคของประเทศแสดงความเห็นชอบ
การศึกษาดังกล่าวได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล ดำเนินการร่วมกันระหว่างราชวิทยาลัยลอนดอน (Imperial College London) กองทุนมูลนิธิระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ รอยัล ฟรี ลอนดอน (Royal Free London NHS Foundation Trust) และเอชวีโว (hVIVO) บริษัทการทดลองทางคลินิกคณะนักวิจัยจะนำเชื้อไวรัสฯ เข้าสู่ร่างกายอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่สุขภาพดีสูงสุด 90 คน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมและปลอดภัย เพื่อทำความเข้าใจปฏิกิริยาตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่มีต่อเชื้อไวรัสฯ และบ่งชี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแพร่เชื้อ ซึ่งรวมถึงการแพร่กระจายอนุภาคเชื้อไวรัสฯ จากในร่างกายสู่สภาพแวดล้อมภายนอก โดยส่งเสริมผู้มีอายุ 18-30 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงเกิดอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสฯ ในระดับต่ำที่สุด เข้าร่วมการทดลองโดยสมัครใจการศึกษาเบื้องต้นจะมุ่งค้นหาปริมาณเชื้อไวรัสฯ ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยคณะแพทย์จะใช้เชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ตั้งต้นที่แพร่ระบาดในสหราชอาณาจักรตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์อยู่น้อยมาก ขณะเดียวกันจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งถูกพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยในการทดลองทางคลินิก แก่อาสาสมัครส่วนหนึ่งเพื่อพิจารณาวัคซีนตัวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและเร่งรัดการพัฒนาวัคซีนดังกล่าว"ไม่มีวัคซีนที่จะใช้ได้กับทุกคนเสมอไป เราจึงต้องเดินหน้าพัฒนาวัคซีนและวิธีรักษาแบบใหม่ต่อไป" คลีฟ ดิกซ์ ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านวัคซีนของรัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าว พร้อมเสริมว่า "เราคาดว่าการศึกษาเหล่านี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำงานของเชื้อไวรัสฯ และช่วยให้เราเข้าใจว่าวัคซีนตัวใดมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อดีที่สุด"ทั้งนี้ ปัจจุบันอังกฤษอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในประเทศ โดยสก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ บังคับใช้มาตรการจำกัดควบคุมที่คล้ายคลึงกัน