SMART ยอดขายโต30% คลอดโปรดักส์ใหม่ทำเงิน

ทันหุ้น – สู้โควิด - SMART - ยอดขายอิฐตกแต่ง 8 เดือนโต 30% เชื่อเติบเพิ่มขึ้นถึงปีหน้า เล็งคลอดโปรดักส์ใหม่ในไตรมาส 4/63 อัพยอด ระบุโมเดิร์นเทรดเติบโตแกร่ง ส่องทิศทางก่อสร้างช่วงโค้งท้ายฟื้น แย้มกำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 70% เชื่อยังเพียงพอ คาดรายได้ปีนี้ฉลุย หรือใกล้เคียงปีก่อน 466.82 ล้านบาท

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า บริษัทมองธุรกิจและผลประกอบการไตรมาส 2/2563 เป็นจุดต่ำสุด เพราะหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และบริษัทได้รับผลกระทบการขายในช่วงล็อกดาวน์ และคาดแนวโน้มจะทยอยฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้บริษัทคาดผลประกอบการปี 2563 จะดีกว่าครึ่งปีแรก ด้วยการเร่งส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า ทั้งจากออเดอร์ที่ถูกเลื่อนมาจากไตรมาส 2 และการขายสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง

จุดเด่นโรงงาน

บริษัทมีจุดเด่นด้านพื้นที่ตั้งโรงงาน เนื่องจากโรงงานอยู่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC เบื้องต้นบริษัทประเมินภาพรวมหลังไตรมาส 4/2563 เป็นต้นไป อุตสาหกรรมการก่อสร้างจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัย ทำให้ภาพการก่อสร้างจะเห็นการฟื้นตัวได้อีกครั้ง หรือแม้แต่ผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษาตัวในประเทศก็จำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยระหว่างการรักษาตัว

พร้อมกันนี้บริษัทยังมองเห็นทิศทางของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มซื้อที่ดิน สำหรับการพัฒนาโครงการ หากเศรษฐกิจในประเทศกลับมาฟื้นตัว ทำให้บริษัทจะมีความได้เปรียบในพื้นที่ที่มีการขยายตัวสูง และมีความพร้อมสำหรับการผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาที่จะใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์อิฐตกแต่งใหม่ 1 ผลิตภัณฑ์ จากปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย 8 ผลิตภัณฑ์ คาดจะวางจำหน่ายได้ประมาณไตรมาส 4/2563 นี้ สำหรับทิศทางผลิตภัณฑ์ตกแต่งใน 8 เดือนแรกของปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนทั้งปี ขณะที่ 8 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคาดทิศทางการเติบโตจะเพิ่มขึ้นดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

รายได้ใกล้เคียงปีก่อน

สำหรับภาพรวมรายได้ปีนี้ บริษัทจะพยายามทำให้ได้ใกล้เคียงกับปีก่อน 466.82 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทยังมีจำนวนงานในมือ หรือ Backlog เพื่อรอส่งมอบให้กับลูกค้าอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งบริษัทจะรักษาจำนวนงานในมือให้สอดคล้องกับความต้องการอิฐมวลเบาที่ใช้ในการก่อสร้าง ขณะที่สัดส่วนช่องทางการขายจะมาจากภาคราชการ 55% ภาคเอกชน 40% และช่องทางโมเดิร์นเทรด 5% ทั้งนี้ช่องทางการขายผ่านโมเดิร์นเทรดมีการเติบโตค่อนข้างสูง

ปัจจุบันบริษัทใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70% และยังเหลือช่องว่างสำหรับการผลิตสินค้า หากมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ใหม่เข้ามา และคาดว่าจะเพียงต่อการรองรับความต้องการของลูกค้า พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาแผนการลงทุนในอนาคต แต่ปัจจุบันยังไม่มีแผนที่จะลงทุนในเร็วๆ นี้

อนึ่ง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 212.56 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 217.26 ล้านบาท จำนวน 4.7 ล้านบาท หรือลดลง 2.21% และมีกำไรสุทธิ 20.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.43 ล้านบาท จำนวน 12.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 148.72%