ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ลดเหลือ 56.7 กังวลเศรษฐกิจฟื้นช้า

แม้รัฐบาลไทยจะพยายามเร่งเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2568 แต่ “ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค” ยังคงไม่ฟื้นตัว ล่าสุดผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนมีนาคม อยู่ที่ 56.7 จุด ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง
ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่สถิติทางเศรษฐกิจธรรมดา แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของประชาชนในระดับลึก โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ฉุดความเชื่อมั่นคือ “นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งมีแนวโน้มจะกลับมาใช้นโยบายการค้าแบบแข็งกร้าว ภายใต้แนวคิด Trump 2.0
ขณะเดียวกัน ภายในประเทศ แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทยอยออกมา แต่ยังไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายอย่างมั่นใจได้ โดยเฉพาะเมื่อราคาสินค้ายังสูง ค่าครองชีพยังรัดตัว และรายได้ของหลายครัวเรือนไม่สอดคล้องกับรายจ่าย
ดัชนีย่อยอื่น ๆ ก็ลดลงเช่นกัน ได้แก่
- ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม เหลือ 50.5
- ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 54.2
- ความเชื่อมั่นด้านรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 65.4
ดัชนีที่ลดลงพร้อมกันในทุกมิติ บ่งชี้ถึงความเปราะบางของสภาพจิตวิทยาทางเศรษฐกิจของประชาชน รัฐบาลจึงอาจต้องทบทวนแนวทางการสื่อสารและการดำเนินนโยบายให้ตรงจุดและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว “ความเชื่อมั่น” คือจุดตั้งต้นสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากคนไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ต่อให้รัฐอัดฉีดเงินมากแค่ไหน ผู้คนก็ยังเลือกที่จะเก็บออมแทนการจับจ่ายใช้สอย