รีเซต

หุ้นแบงก์ประกาศศักดา โชว์กำไรไตรมาส 2/64 สวย ส่องทิศทางยังเจอโควิด-ล็อกดาวน์กดดัน

หุ้นแบงก์ประกาศศักดา โชว์กำไรไตรมาส 2/64 สวย ส่องทิศทางยังเจอโควิด-ล็อกดาวน์กดดัน
มติชน
23 กรกฎาคม 2564 ( 06:23 )
88

 

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมหุ้นธนาคาร (แบงก์) ประกาศงบไตรมาส 2/2564 ออกมาใกล้เคียงกับที่มองไว้ เนื่องจากกำไรสุทธิเทียบรายไตรมาสอ่อนตัวลง แต่หากเทียบเป็นรายปีสามารถเติบโตได้ เพราะฐานปีก่อนหน้าอยู่ในระดับต่ำ ทำให้กำไรภาพรวมออกมาดูดี โดยหากประเมินแนวโน้มไตรมาส 3/2564 อาจได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ที่สะสมต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงปัจจุบันที่ไม่มีทิศทางว่าจะสามารถควบคุมการระบาดได้ อีกทั้งสถานการณ์ยังรุนแรงขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องประกาศใช้ล็อกดาวน์ออกมาในเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันในส่วนของค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ส่งผลต่อการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (expected credit loss) อาจไม่สามารถลดลงได้เร็วนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจรวมยังมีความชะลอตัว รวมถึงความเสี่ยงของหนี้ไม่ก่อรายได้ (เอ็นพีแอล) หรือหนี้เสีย ซึ่งอาจปรับเพิ่มขึ้นอีก ในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่สามารถเดินเครื่องต่อได้ แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยชะลอการตกชั้นของหนี้ให้กลายเป็นเอ็นพีแอลได้ในช่วงสั้น แต่มองว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องตั้งสำรองหนี้ และระดับการตั้งสำรองคงไม่ได้ลดลงจากไตรมาส 2 มากนัก

 

 

นายภาสกร กล่าวว่า ในระยะถัดไปหุ้นธนาคารยังมีแรงกดดันจากทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ยังไม่ไหลเข้ามา เนื่องจากหุ้นธนาคารได้รับความนิยมในการซื้อจากนักลงทุนต่างชาติสูงมาก รวมถึงภาวะตลาดรวมก็มีผลในการปรับราคาขึ้น-ลงของหุ้นกลุ่มธนาคารด้วย โดยหากประเมินในแง่มูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) ได้ถูกปรับฐานลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาหุ้นหารด้วยราคาหุ้นตามบัญชี (P/BV Ratio) อยู่ที่ 0.5-0.6 เท่า เท่านั้น ซึ่งถือเป็นจุดที่สามารถทยอยสะสมได้ เมื่อมองว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ โดยแนะนำให้น้ำหนักซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารไม่เกิน 10% ของพอร์ตรวม

 

 

แม้เศรษฐกิจจะยังฟื้นตัวไม่เร็วมากนัก แต่ราคาที่ปรับฐานลงมาค่อนข้างมาก จึงสามารถทยอยสะสมได้ แต่ไม่ใช่การซื้อไม้ (ครั้ง) เดียวหมดทั้งพอร์ต ต้องทยอยสะสม เพื่อจัดสรรพอร์ตลงทุนแบบหลากหลาย โดยมีหุ้นเด่นแนะนำคือ หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ และหุ้นธนาคารกสิกรไทย เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีจำนวนมาก ซึ่งการระบาดโควิดส่งผลกระทบต่อลูกค้ากลุ่มนี้ ทำให้ต้องตั้งสำรองหนี้สูงขึ้น แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นมีการฉีดวัคซีนจนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศได้แล้ว การท่องเที่ยวกลับมาเริ่มต้นใหม่ ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น การตั้งสำรองหนี้จะลดลง รวมถึงหุ้นธนาคารทิสโก้ ที่งบที่ออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง และมีการปันผลที่ดีด้วยนายภาสกร กล่าว

 

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 พบว่า มีกำไรสุทธิ 894 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 16.31% ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2564 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 19,521 ล้านบาท 104.40%

 

 

ธนาคารไทยพาณิชย์ มีกำไรสุทธิ จำนวน 8,815 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2564 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 18,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3%

 

 

 

ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิ จำนวน 6,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.4% ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2564 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 13,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4%

 

 

 

ธนาคารกรุงไทย มีกำไรสุทธิส่วนของธนาคาร จำนวน 6,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2564 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 11,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4%

 

 

 

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีทีบี มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,534.10 ล้านบาท ลดลง 8.9% ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2564 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 5,316.06 ล้านบาท ลดลง 26.8%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง