RBFออเดอร์ตปท.บูม สินค้าไฮมาร์จิ้นหนุน
RBF ส่งซิกครึ่งปีหลัง 2566 ผลงานโดดเด่น ออเดอร์ต่างแดนหนุน เดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ปูทางขยายฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น มั่นใจรายได้เติบโตตามเป้า 15-20% มั่นใจอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปี 2566 ปรับตัวดีขึ้น ชูสินค้าไฮมาร์จิ้นหนุน เตรียมเดินเครื่องโรงงานผลิตในอินเดียต้นปี 2567
นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทมองว่าธุรกิจ Food Ingredients ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการส่งออกปีนี้ยังเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ ส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศคาดว่าจะมีทิศทางการเติบโตที่โดดเด่นจากปัจจัยหนุนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ประกอบกับบริษัทยังมีฐานลูกค้าเก่าที่เหนียวแน่น
อาทิ ตลาดญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดเดิมที่บริษัทมีการส่งออกอยู่แล้วยังมีสัญญาณที่เป็นบวกอยู่และมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก และบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย
*รายได้โตตามเป้า
ด้านผลประกอบการในปี 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตราว 15-20% จากปีก่อนที่ราว 3,968.31 ล้านบาท เพราะธุรกิจมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มเติม และเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้นรวมถึงมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีแนวทางการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น เช่น ประเทศอินเดีย เพื่อเป็นฐานเจาะตลาดไปยังกลุ่มประเทศแถบตะวันออกกลาง และประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชียที่กำลังเติบโต
ส่วนในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายจากต่างประเทศเติบโตถึง 41.46% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งและซอส ที่มีอัตราการเติบโต 20.16% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อแบ่งตามประเภทของกลุ่มลูกค้า จะพบว่าเป็นลูกค้ากลุ่มกิจการค้าปลีกทั่วไปที่มียอดขายเติบโตสูงสุด อยู่ที่ 86.40% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนรองลงมาได้แก่ กลุ่มลูกค้ากิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่เติบโต 23.21% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
*สินค้าไฮมาร์จิ้นหนุน
โดยบริษัทยังคาดการณ์ว่าการเติบโตของบริษัทในช่วง 3-5 ปีจากนี้ จะเติบโตจากตลาดต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต และบริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตโดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เพื่อหา Synergy ใหม่ๆ ต่อยอดธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา โดยมีความเป็นไปได้ทั้งการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV)
นอกจากนี้ในส่วนอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในปี 2566 คาดว่าจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากสินค้ากลุ่ม Food Coating โดยเฉพาะสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูงจะเติบโตได้ดี อีกทั้งจากการกลับมาแข็งค่าของเงินบาททำให้บริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าที่ลดลง รวมถึงจากแนวโน้มคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นยังทำให้อัตราการใช้กำลังผลิตเฉลี่ยในระดับสูง
*เดินเครื่องผลิตรง.อินเดีย
ทั้งนี้บริษัทได้มีการลงทุนในปี 2566 โดยวางงบประมาณไว้ที่ประมาณ 500 ล้านบาท หลักๆ เพื่อรองรับการก่อสร้างโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะเตรียมเดินเครื่องการผลิตภายในช่วงต้นปี 2567 ขณะที่โรงงานในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในช่วงไตรมาสที่ 3/2566 โดยมีออเดอร์ในช่วงครึ่งปีหลังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเงินลงทุนบางส่วนจะถูกนำมารองรับการซ่อมบำรุง และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานในประเทศไทย อย่างไรก็ดี เงินลงทุนดังกล่าวยังไม่ถูกนับรวมกับดีลใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างปีนี้