รีเซต

จับตา SPALI กำไร Q2 โตแกร่ง 'กสิกรไทย' เคาะพื้นฐาน 24.10 บ.

จับตา SPALI กำไร Q2 โตแกร่ง 'กสิกรไทย' เคาะพื้นฐาน 24.10 บ.
ทันหุ้น
25 กรกฎาคม 2564 ( 15:42 )
35
จับตา SPALI กำไร Q2 โตแกร่ง 'กสิกรไทย' เคาะพื้นฐาน 24.10 บ.

 

ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด คาดว่า SPALI จะรายการกำไรไตรมาส 2/2564 ที่ 1.57 พันลบ. โตขึ้น 275% YoY และ 112% QoQ  มีแรงหนุนจากรายได้และอัตรากำไรที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ประเมินกำไรครึ่งปีแรกคิดเพียง 38% ต่อประมาณการทั้งปี แต่ backlog คอนโดและแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากในครึ่งปีหลังจะหนุนตัวเลขปี 64 ของฝ่ายวิจัย คงคำแนะนำ “ซื้อ” SPALI ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 2565 ที่ 24.10 บาท มีแรงหนุนจากทิศทางกำไรรายไตรมาสที่ปรับสูงขึ้น

 

ฝ่ายวิจัยคาดว่า SPALI กำไรไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 1.57 พันลบ. เติบโตขึ้น 275% YoY และ 112% QoQ โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในช่วงไตรมาสมาจากยอดขายกลุ่มแนวราบที่ยอดเยี่ยมในไตรมาส 1/2564 และมีระดับที่ดีในไตรมาส 2/2564 กอปรกับความสำเร็จของการเริ่มโอนคอนโดที่แล้วเสร็จแห่งใหม่อย่าง ศุภาลัย ริวา แกรนด์ (มูลค่า 6.8 พันลบ. ขายแล้ว 76%) และศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร (3.0 พันลบ. ขายแล้ว 100%) ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นรายได้ปกติไตรมาส 2/2564 ขึ้นได้ 139% YoY และ 93% QoQ เป็น 7 พันลบ. 

 

ขณะเดียวกันก็คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 จะปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างดีที่ 7.2ppt YoY และ 3.4ppt QoQ จากสัดส่วนทีสูงของรายได้คอนโดที่มีอัตรากำไรสูงต่อรายได้รวม และจากความประหยัดต่อขนาด (economies of scale) ในระดับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทังนี้ แม้กำไรในครึ่งแรกของปี 2564 จะคิดเป็นเพียง 38% ต่อประมาณการกำไรทั้งปี 2564 ของฝ่ายวิจัย แต่ก็คาดว่าผลการดำเนินงานจะน่าตื่นเต้นมากขึ้นในครึ่

หลังของปี 2564

 

ประเมินผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้น ในครึ่งหลังปี 2564 จาก backlog 3.60 หมื่นลบ. ที่ยกมายังไตรมาส 3/2564 ซึ่งมีกำหนดการโอนจำนวน 1.42 หมื่นลบ. ในครึ่งหลังของปี 2564 เทียบกับประมาณการรายได้การขายในครึ่งแรกของปี 2564 ที่ 1.06 หมื่นลบ. ทำให้ประมาณการรายได้ของฝ่ายวิจัยในปี 2564 ที่ 2.78 หมื่นลบ. มีความแน่นอนแล้ว 90% แม้สัดส่วนรายได้ที่แน่นอนแล้วดังกล่าวจะปรับลดลงเหลือ 82% เมื่ออิงจากอัตราการยกเลิกจองที่ 15% และ จากข้อเท็จจริงที่ว่า SPALI คือหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับผลกระทบจากคำสั่งของรัฐบาลที่ให้ปิดสถานที่ก่อสร้างเป็นเวลา 30 วัน (เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ฝ่ายวิจัยก็เชื่อว่าประมาณการชุดปัจจุบัน สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจาก SPALI มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากด้วยมูลค่ารวมที่ 2.48 หมื่นลบ.ในครึ่งหลังของปี 2564 โดยจะมีสัดส่วนที่ 1.90 หมื่นลบ. ที่เป็นกลุ่มแนวราบที่มีรอบธุรกิจสั้น

 

ทั้งนี้ด้วยการที่โครงการเหล่านี้จะอยู่ในพื้นที่ประชากรหนาแน่น ขณะที่มีการออกแบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในรูปแบบใหม่ ฝ่ายวิจัยก็คาดว่าโครงการเหล่านี้จะกลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนยอดขายและรายได้ที่แข็งแกร่งในครึ่งปีหลังได้ ทั้งนี้ โครงการศุภาลัย เวอเรนด้าสถานีภาษีเจริญ (4.5 พันลบ. ขายแล้ว 89%) มีกำหนดการเริ่มโอนในไตรมาส 3/2564

 

ปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้น คือ การปิดสถานที่ก่อสร้าง ส่วนความกังวลในโครงการสุขุมวิท 39 ลดลง ความไม่แน่นอนที่มาจากการปิดสถานที่ก่อสร้าง คือปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในระยะสั้นสำหรับผู้พัฒนาอสังหาฯ ทุกราย ซึ่งรวมถึง SPALI ด้วย เพราะจะทำให้แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ต้องเลื่อนออกไป (SPALI ได้เลื่อนบางโครงการใหม่ในไตรมาส 3/2564 ออกไป เป็นไตรมาส 4/2564 และคอนโดใหม่ทั้งหมดในปี 2564 จะเลื่อนไปเปิดตัวในไตรมาส 4/2564 แทน) ซึ่งจะต้องปรับกำหนดการโอนด้วยเช่นกัน 

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่โครงการคอนโดของ SPALI ในปี 2564 มีกำหนดการแล้วเสร็จไม่เกินปลายเดือน ก.ค. จึงทำให้การหยุดกิจกรรมการก่อสร้างจะส่งผลกระทบในวงแคบ ส่วนผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ SPALI เปิดเผยว่าจำนวนลูกค้าที่มาดูโครงการและยอดขายในเดือน ก.ค. - ส.ค. จะได้รับผลกระทบแต่ก็เชื่อว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากมีการประกาศยกเลิกคำสั่ง ส่วนประเด็นปัญหาการโอนที่โครงการศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 (1.0 หมื่นลบ. ขายแล้ว 57%) ที่มียอดขายก้อนหนึ่งที่ขายให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติ (2.0 พันลบ.) ทางบริษัทฯ คาดว่าจะโอนได้มากกว่า 50% ภายในปี 2564 เนื่องจากมีเงินดาวน์ 25% ขณะที่เงินหยวน/บาทในปัจจุบันนั้นแข็งค่ามากกว่าในปี 2563 ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้ซื้อชาวจีนเร่งโอนให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น

 

ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” SPALI ด้วยราคาเป้าหมายเดิมสำหรับกลางปี 2565 ที่ 24.10 บาท อิง PER 7.38 เท่า ชอบ SPALI ที่มีความสามารถในการผลิตสินค้า  และมีทำเลที่ตั้งที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย (ตลาดระดับกลางที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่คุ้มราคา) ซึ่งจะเห็นได้จากยอดขายกลุ่มแนวราบของบริษัทฯ ที่มีทิศทางปรับสูงขึ้น นอกจากนี้ โครงการของ SPALI ก็มีทำเลที่หลากหลายกระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ยิ่งกว่านั้น ด้วย backlog ก้อนใหญ่และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่างจะช่วยหนุนภาพรวมการเติบโตให้กับบริษัทฯ ได้ โดยไม่ต้องกังวลในประเด็นด้านข้อจำกัดทางสถานะทางการเงินหรือต้นทุน นอกเหนือจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (DY) สำหรับปี 2564 ที่ 5.4% แล้วทิศทางกำไรรายไตรมาสที่ปรับสูงขึ้นในปี 2564 ถือเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนคำแนะนำ “ซื้อ”

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง