เตือน 5 โรคฤดูฝน สธ.ย้ำต้องระวัง ‘เห็ดพิษ’ ติดโผเสียชีวิตแล้ว 4 ราย
วันนี้ (12 มิ.ย. 67) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อัพเดทสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพในช่วงหน้าฝนนี้ พร้อมคำแนะนำแก่ประชาชน เพื่อเตรียมรับมือ ดังนี้
1. โรคโควิด-19 แนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยสายพันธุ์หลักที่ระบาดเป็นสายพันธุ์ JN.1 ซึ่งมีความสามารถในการแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-8 มิ.ย. 67 มีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ในโรงพยาบาล 23,245 ราย ปอดอักเสบ 663 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 286 ราย และเสียชีวิต 137 ราย
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 2-8 มิ.ย. 67 พบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 2,762 ราย เสียชีวิต 5 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่ม 608 โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง
ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ หากมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก ควรแยกตัวจากผู้อื่นและปฏิบัติตามสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น หากไม่ดีขึ้นใน 1-2 วันให้รีบไปพบแพทย์
2. โรคไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดการระบาดในสถานที่ปิดเป็นกลุ่มก้อนได้ เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร เรือนจำ วัด เป็นต้น และช่วงนี้มีแนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้น สถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-25 พ.ค. 67 พบผู้ป่วยสะสม 133,451 ราย ผู้เสียชีวิต 10 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็กและกลุ่มวัยเรียน ได้แก่ อายุแรกเกิด-4 ปี และอายุ 5-9 ปี
ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำประชาชนดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เช่นเดียวกับการป้องกันโควิด-19 และกลุ่มเสี่ยงควรรีบไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน สำหรับโรงเรียน ค่ายทหาร หากมีการจัดกิจกรรมรวมตัวเป็นกลุ่มในระยะนี้ ควรมีการคัดกรองก่อนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเข้มงวด หากพบผู้มีอาการป่วย ให้งดเข้าร่วมกิจกรรมและรีบไปพบแพทย์
3. โรคไข้เลือดออก คาดการณ์ปี 67 นี้ จะเริ่มพบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนก.ค. ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 มิ.ย. 67 พบผู้ป่วย 30,353 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี จำนวน 9,085 ราย มีผู้เสียชีวิต 36 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันสำรวจ และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย รวมถึงการระวังไม่ให้ยุงกัด และให้สังเกตอาการบุตรหลาน ผู้สูงอายุในบ้าน หากมีอาการไข้สูงลอยมากกว่า 2 วัน ทานยาพาราเซตามอล เช็ดตัวแต่ไข้ไม่ลด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีจุดผื่นแดงตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
4. ไข้มาลาเรีย สถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-7 มิ.ย. 67 พบผู้ป่วยจำนวน 5,277 ราย ซึ่งในช่วงนี้พบผู้ป่วยมากขึ้นในหลายจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเมียนมาร์ ได้แก่ จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และเพชรบุรี (ทั้งนี้ มีรายงานจากจังหวัดที่ไม่ติดกับชายแดนบ้าง โดยส่วนหนึ่งติดเชื้อจากการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง) ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน อายุ 25-44 ปี (1,559 ราย) และกลุ่มเด็ก 5-14 ปี (1,019 ราย)
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงควรป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด สวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด ทายากันยุงบริเวณนอกร่มผ้า นอนในมุ้งชุบสารเคมีทุกคืน เมื่อต้องค้างคืนในป่า สวน ไร่ และหลังกลับจากป่า 10-14 วัน หากมีอาการไข้ หนาวสั่น ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีพร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
5. เห็ดพิษ ช่วงนี้เข้าสู่หน้าฝนทำให้มีเห็ดป่าหรือเห็ดขึ้นเองตามธรรมชาติหลากหลายชนิด ทั้งเห็ดกินได้และเห็ดพิษ ซึ่งมีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกันมากมักแยกได้ยาก จึงทำให้พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากการกินเห็ดพิษเป็นประจำทุกปีในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่ป่าเขา ในปีนี้มีรายงานผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการกินเห็ดพิษแล้ว 10 เหตุการณ์ มีผู้ป่วยรวม 36 ราย เสียชีวิต 4 ราย
ดังนั้น ขอให้ประชาชนซื้อเห็ดมาปรุงประกอบอาหารจากฟาร์มเห็ด หรือแหล่งที่มีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเก็บหรือกินเห็ดป่าหรือเห็ดที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นเห็ดมีพิษหรือไม่ และไม่ควรเก็บเห็ดบริเวณที่มีการใช้สารเคมี รวมถึงไม่กินเห็ดดิบ และไม่กินเห็ดร่วมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ดังนั้น "เห็ด ไม่รู้จัก ไม่แน่ใจ ไม่เก็บ ไม่กิน"
ภาพจาก: AFP