24 ชั่วโมง 18 แผ่นดินไหว เขย่าภูมิภาค จับตา เมียนมา-ลาว-ไทยตอนบน

ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด เกิดแผ่นดินไหวกว่า 18 ครั้ง ในเมียนมา ลาว และไทยตอนบน เผยมีทั้งขนาดเล็กถึงปานกลาง ลึกเพียง 1–10 กม. นักวิชาการชี้ต้องเฝ้าระวังการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนในภูมิภาค
ภูมิภาคสั่นไหวถี่ใน 1 วัน
วันที่ 18 เมษายน 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ด้านธรณีวิทยาทั่วอาเซียนจับตา เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยารายงานเหตุแผ่นดินไหวถี่ผิดปกติในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมียนมา ลาว และประเทศไทยตอนบน ภายในช่วงเวลาเพียง 24 ชั่วโมง มีการบันทึกแผ่นดินไหวได้มากถึง 18 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลกในภูมิภาคนี้อย่างมีนัยสำคัญ
เมียนมา จุดศูนย์กลางความปั่นป่วน
ประเทศเมียนมากลายเป็นศูนย์กลางของแรงสั่นสะเทือน โดยแผ่นดินไหวที่นั่นมีความถี่เฉลี่ยเกือบ ชั่วโมงละ 1 ครั้ง ตลอดช่วง 17-18 เมษายน ส่วนใหญ่มีขนาดระหว่าง 2.0 – 3.9 แมกนิจูด ความลึกประมาณ 10 กิโลเมตร
จุดที่รุนแรงที่สุดคือเมื่อเวลา 13.39 น. วันที่ 17 เมษายน วัดขนาดได้ถึง 5.1 แมกนิจูด ที่พิกัด 21.745°N, 96.352°E ความลึก 10 กิโลเมตร ถือเป็นเหตุการณ์ขนาดปานกลางที่อาจส่งผลให้มีแรงสั่นสะเทือนในวงกว้าง และอาจรับรู้ได้ในพื้นที่ตอนบนของประเทศไทย
ลาวก็ไม่น้อยหน้า เขย่า 3.6 แมกนิจูด
อีกหนึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศลาว เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 18 เมษายน โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้วัดขนาดได้ 3.6 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ที่พิกัด 21.995°N, 101.655°E ลึก 10 กิโลเมตร แม้ไม่มีรายงานความเสียหาย แต่ถือว่าเป็นแรงสั่นสะเทือนที่น่าสนใจ เพราะเกิดใกล้เขตแดนไทย และอยู่ในพื้นที่ที่เคยเกิดแรงสั่นมาแล้วหลายครั้งในอดีต
ไทยตอนบน: แม่ฮ่องสอน-ลำปาง สั่นเบาแต่ถี่
สำหรับประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลเช่นกัน โดยในรอบวันเดียว มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 2 ครั้ง ได้แก่
ลำปาง: เวลา 01.12 น. จุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.นายาง อ.สบปราบ ขนาด 1.4 ลึก 5 กม.
แม่ฮ่องสอน: เวลา 07.56 น. จุดศูนย์กลางที่ ต.หมอกจำแป่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ขนาด 2.8 ลึก 1 กม.
ทั้งสองจุดเป็นแผ่นดินไหวตื้น และไม่มีรายงานความเสียหาย อย่างไรก็ตาม การเกิดแผ่นดินไหวซ้ำในพื้นที่ตอนบนของไทยในวันเดียวกับแรงสั่นสะเทือนจากเมียนมาและลาว ทำให้เกิดคำถามถึงความเชื่อมโยงของรอยเลื่อนในภูมิภาค
จับตาแนวรอยเลื่อนภาคเหนือ
ความถี่ของแผ่นดินไหวในรอบ 24 ชั่วโมงนี้บ่งชี้ถึงพลังสะสมในเปลือกโลก ซึ่งอาจเป็นผลจากแรงดันของรอยเลื่อนหลักในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นแนวรอยเลื่อนสะแกง รอยเลื่อนแม่จัน หรือรอยเลื่อนเถิน
ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในประเทศไทย แต่ประชาชนควรเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในอาคารสูง หรือใกล้แนวรอยเลื่อนสำคัญ ควรตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง และติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด