ระบบสั่นสะเทือนใหม่ กำจัด “น้ำแข็ง” บนปีกเครื่องบิน ลดการใช้พลังงานลง 80 %

นักวิทยาศาสตร์จาก Fraunhofer Institute for Structural Durability and System Reliability (Fraunhofer LBF) ประเทศเยอรมนี ประสบความสำเร็จในการพัฒนา ระบบสั่นสะเทือนกำจัดน้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน (vibration de-icing system) ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้มากถึง 80 % เมื่อเทียบกับระบบละลายน้ำแข็งด้วยความร้อนแบบเดิม
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Clean Aviation Program ของสหภาพยุโรป (EU) โดยมีพันธมิตรสำคัญอย่าง Airbus และ Parker-Meggitt ร่วมพัฒนา เพื่อมุ่งสู่การสร้างอนาคตของ การบินที่ปลอดคาร์บอนและยั่งยืน (sustainable aviation)
ทำไม “น้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน” จึงเป็นปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมการบิน
การก่อตัวของน้ำแข็งบนปีกเครื่องบินเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความปลอดภัย เนื่องจากมันสามารถ
ลดแรงยก (Lift)
เพิ่มแรงต้านอากาศ (Drag)
ทำให้ระบบควบคุม เช่น Rudder หรือ Aileron ทำงานผิดพลาดได้ ในบางกรณีอาจถึงขั้นทำให้เครื่องบิน “Stall” หรือสูญเสียการทรงตัวโดยสมบูรณ์
ระบบกำจัดน้ำแข็งในปัจจุบันมักอาศัย “การเป่าลมร้อนจากเครื่องยนต์” ซึ่งมีประสิทธิภาพดีแต่กินพลังงานสูง และไม่สามารถใช้ได้กับเครื่องบิน พลังงานไฟฟ้าหรือไฮบริด ที่ไม่มีความร้อนเหลือจากการเผาไหม้
การทำงานของระบบสั่นสะเทือน
นักวิจัย Fraunhofer LBF เสนอแนวทางใหม่โดย ไม่ใช้ความร้อนละลายน้ำแข็ง แต่ใช้ แรงสั่นสะเทือนความถี่ต่ำ เพื่อทำให้น้ำแข็ง “แตกร้าวและหลุดออกจากปีกเครื่องบิน”
ขั้นตอนที่ 1 -ใช้เซนเซอร์ตรวจจับน้ำแข็ง: ระบบจะระบุจุดที่มีน้ำแข็งก่อตัวบนปีกอย่างแม่นยำ
ขั้นตอนที่ 2 - ใช้แอคชูเอเตอร์แบบเพียโซอิเล็กทริก (Piezoelectric Actuators):
หรือก็คือการกระตุ้นให้สร้างคลื่นสั่นสะเทือนความถี่ต่ำ (ระดับกิโลเฮิรตซ์) ที่ตรงกับบริเวณที่เป็นน้ำแข็ง ส่งผลให้น้ำแข็งแตกตัวและหลุดออกจากพื้นผิวปีก โดย ไม่ต้องใช้ความร้อนเลยแม้แต่น้อย โดยคลื่นเหล่านี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่แรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอให้น้ำแข็งแตกและหลุดออกแล้ว
Denis Becker, PhD นักวิจัยประจำแผนก Experimental Analysis and Electromechanics ของ Fraunhofer LBF อธิบายว่า “แรงสั่นสะเทือนที่สร้างขึ้นมีพลังมากพอให้น้ำแข็งแตกตัว แต่ใช้พลังงานเพียงเศษเสี้ยวของระบบความร้อนแบบเดิม”
หัวใจสำคัญของระบบนี้คือการระบุ “ความถี่เรโซแนนซ์ธรรมชาติของปีก (wing resonance frequency)” ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น
ความเร็วของเครื่องบิน
อุณหภูมิและความชื้นของอากาศ
ความหนาของน้ำแข็งที่เกาะ
อัลกอริธึมในระบบจะคำนวณและปรับความถี่แบบเรียลไทม์ เพื่อให้แรงสั่นสะเทือนเข้าจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการกำจัดน้ำแข็ง
ผลการทดสอบและประสิทธิภาพของระบบ
Fraunhofer LBF ได้ทดสอบระบบใน อุโมงค์ลมจำลองน้ำแข็ง (Icing Wind Tunnel) ภายใต้สภาพอากาศจริง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า ระบบสั่นสะเทือนสามารถกำจัดน้ำแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้พลังงานน้อยกว่าระบบความร้อนถึง 80 %
นอกจากนี้ ระบบยังมีโครงสร้างเรียบง่าย ประกอบด้วย
แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply)
เซนเซอร์
หน่วยควบคุมการสั่นสะเทือน
ซึ่งสามารถติดตั้งได้ในเครื่องบินหลากหลายขนาด ทั้งเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินไฟฟ้า และโดรนขนาดใหญ่
ระบบกำจัดน้ำแข็งด้วยแรงสั่นสะเทือนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมการบิน เพราะไม่เพียงเพิ่ม ความปลอดภัยในการบิน (flight safety) แต่ยังตอบโจทย์ การลดพลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ (carbon footprint) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการบินในยุคใหม่
ทาง Fraunhofer LBF เตรียมดำเนินการทดสอบเพิ่มเติมในอุโมงค์ลมและการบินจริง เพื่อยืนยันความพร้อมของระบบก่อนนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยคาดว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปใช้ใน เครื่องบินรุ่นใหม่ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า
ระบบนี้ยังมีศักยภาพในการปรับใช้กับ อากาศยานขนาดเล็ก หรือภารกิจในพื้นที่ห่างไกล ที่ต้องการโครงสร้างระบบพลังงานที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูง
แหล่งที่มา: interestingengineering.com
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
