รีเซต

DOHOMEยอดขายQ3แกร่ง มั่นใจรักษาระดับมาร์จิ้น22%

DOHOMEยอดขายQ3แกร่ง มั่นใจรักษาระดับมาร์จิ้น22%
ทันหุ้น
10 กันยายน 2564 ( 18:43 )
102
DOHOMEยอดขายQ3แกร่ง มั่นใจรักษาระดับมาร์จิ้น22%

 

ทันหุ้น - DOHOME ชู SSSG ไตรมาส 3/64 ยังเติบโตตัวเลข 2 หลัก แม้เจอวิกฤติโรคระบาด ฟุ้งสินค้า House Brand การตอบรับดีเล็งเพิ่มสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ราคาเหล็กครึ่งปีหลังยังทรงตัวสูง หนุนมาร์จิ้นช่วงที่เหลือปีนี้ยืนเหนือ 22.19% เล็งศึกษาการออกหุ้นกู้

 

นายชยานนท์ หอพัตราภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากใกล้เข้าไฮซีซันธุรกิจก่อสร้าง รัฐประกาศงบประมาณประจำปี 2565 ซึ่งมีงานโครงการต่างๆ ทยอยออกมาจำนวนมาก ประกอบกับด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มคลายตัว ทำให้บริษัทกลับมาเปิดสาขาไซส์ Lทั้ง 14 แห่งได้ตามปกติ ส่งผลให้คาดว่ายอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นได้

 

มาร์จิ้นยืน22.19%

โดย SSSG นับตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/2564 จนถึงปัจจุบันยังคงเป็นบวกแบบตัวเลข 2 หลักได้อยู่ แม้ว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องปิดให้บริการบางสาขาตามมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ ทำให้ SSSG อาจหดตัวจากไตรมาส 2/2564 ที่ทำได้ 20% อยู่บ้าง แต่ด้วยการปรับช่องทางการขายหลังบ้านผ่านออนไลน์ ทำให้บริษัทยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตช่องทางออนไลน์ไม่น้อยกว่า 20-30% และมีสัดส่วนการขายที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่เฉลี่ยประมาณ 1% ของยอดขายรวม

 

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าในการขยายผลิตภัณฑ์ House Brand ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มซ่อมบำรุงและตกแต่งที่พักอาศัย ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยมองว่าเป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญเพราะให้มาร์จิ้นที่ดี

 

ส่งผลให้บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2564จะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก รวมถึงดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และคาดว่าความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิจะทรงตัวดีต่อเนื่องจากครึ่งแรกปีที่ทำได้ 22.19% และ 9.13% ตามลำดับ

 

ส่วนปัจจัยราคาเหล็กโลกนั้น ปัจจุบันยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้คาดว่ามาร์จิ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามราคาต้นทุนทางวัตถุดิบเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ราคาขายเหล็กในปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยที่ประมาณ 20-40% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน คาดว่าราคาเหล็กยังคงดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/2564 นี้ แม้ว่าช่วงเดือนกรกฎาคมจะย่อตัวลงมาบ้าง แต่เดือนสิงหาคมก็เริ่มกลับมาเป็นขาขึ้นได้ แต่อาจไม่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมาแล้ว

 

คลอดสาขาใหม่

อีกทั้งบริษัทยังคงเดินหน้าแผนลงทุนเปิด 2 สาขาไซส์ L ได้แก่ สาขาอมตะนคร ชลบุรี และสาขาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในไตรมาส 4/2564 เบื้องต้นคาดว่าใช้เงินลงทุนที่เฉลี่ยสาขาละ 400-450 ล้านบาท โดยบริษัทวางเป้าหมายภายในปี 2568 บริษัทจะมีจำนวนสาขาไซส์ L เปิดให้บริการทั้งสิ้นกว่า 36 สาขา จากปลายปีนี้ที่จะมีครบ 16 สาขา หรือวางเป้าหมายในการเปิดสาขาใหม่เฉลี่ยประมาณ 5 สาขาต่อปี

 

รวมถึงการปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มงานก่อสร้างห้ลดลงเหลือราว 20-25%จากปัจจุบันที่ราว 40-48% และเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้าซ่อมบำรุงและตกแต่งให้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่สาขา To go ที่เป็นกลุ่มรีเทล บริษัทคาดว่าอาจเปิดเพิ่มเติมอีก 2 สาขาในช่วงที่เหลือของปีนี้ และขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามลดสต๊อกสินค้าคงคลัง (Inventory) เหลือ 150 วัน ควบคู่ไปด้วย

 

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนก่อนหน้านี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทนำเงินไปคืนเงินกู้ระยะสั้น หนุนให้ D/E ปรับตัวลดลงเหลือ 1.3 เท่า ทั้งนี้ บริษัทยังมีความสนใจในการศึกษาการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง