‘สทท.’ เตรียมอัดแคมเปญ หนุนท่องเที่ยวในประเทศ

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สำหรับ มาตรการฟื้นฟูธุรกิจ ขณะนี้ ทาง สทท.อยู่ระหว่างเตรียมหารือกับสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ในเบื้องต้นจะเน้นสนับสนุนให้เกิดไทยเที่ยวไทย โดยจะร่วมกับการท่องเที่ยวแค่ประเทศไทย (ททท.) ในการออกแคมเปญ หรือแพ็คเกจต่างๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้น รวมทั้งการทำแพล็ตฟอร์มในการขายของราคาถูกขึ้นมา อาทิ อาหาร และสินค้าในชุมชน เป็นต้น และจะทำควบคู่ไปกับการช่วยเหลือชุมชนท่องเที่ยวให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ตอนนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นปกติ หรือจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้เมื่อไหร่ แต่ทางสทท. อยากให้การท่องเที่ยวกลับมาเปิดได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แต่ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการครั้งใหญ่ เช่น มาตรการด้านความปลอดภัย และการจัดโต๊ะอาหารให้มีระยะห่างเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า เป็นต้น ซึ่งระหว่างนี้ผู้ประกอบจำนวนมากเริ่มมีการปรับปรุงธุรกิจให้พร้อมสำหรับการเปิดให้บริการแล้ว โดยจะเน้นดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหลังจากสิ้นสุดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมุ่งไปที่ประเทศที่มีความปลอดภัย อาทิ อาเซียน และจีน ซึ่งไทยเป็นหนึ่งตัวเลือกต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศอยากกลับเข้ามาเที่ยว ฉะนั้น ผู้ประกอบการยิ่งต้องพัฒนาธุรกิจเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นกลับเข้ามาให้ได้ต่อไป” นายชัยรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับ การปิดตัวของธุรกิจขนาดเล็กยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวจากเดิมที่ต้องการเพียงปิดตัวชั่วคราว การเป็นต้องปิดตัวไปอย่างถาวร เนื่องจากไม่มีเงินเก็บ และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีธุรกิจขนาดเล็กที่ปิดตัวเพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ประมาณ 10% ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ยังสามารถประคองสถานการณ์ได้ และส่วนใหญ่เป็นการปิดร้านเพียงชั่วคราวทั่วเท่านั้น เนื่องจากมีแหล่งเงินทุน และเงินสำรองที่มั่นคง ดังนั้น จึงอยากของให้ภาครัฐตรวจสอบและช่วยเหลือธุรกิจรายเล็กให้ทั่วถึงกว่าที่เป็นอยู่ เพราะถึงแม้รัฐจะออกมาตรการช่วยเหลือเรื่องวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแล้ว แต่ผู้ประกอบการรายเล็กยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเหล่านั้นได้ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องนี้โดยด่วนก่อนที่ธุรกิจขนาดเล็กจะล้มหายไปจนหมด