SMPC ยอดขายถังแก๊สพุ่ง เล็งเปิดตลาดใหม่อัพฐาน
ทันหุ้น–สู้โควิด–SMPC แย้มออเดอร์ถังแก๊สไตรมาส3/2563 ไหลเข้าต่อเนื่อง เร่งเปิดตลาดเพิ่มนแอฟริกา ละตินอเมริกา รองรับเติบโตระยะยาว มั่นใจปีนี้ยอดขายโต 30% ตามเป้า แตะ 7.3 ล้านใบ พร้อมรักษามาร์จิ้นที่ 10-15%ฟากโบรกส่องกำไรปีนีทำนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจากปีก่อน ราคาเหล็กลดลง ประเมินราคาเหมาะสม 18 บาท
นางปัทมา เล้าวงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมยอดขายถังแก๊สในช่วงไตรมาส 3/2563 ยังเติบโตต่อเนื่อง จากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังเติบโตได้ดี สำหรับปีนี้บริษัทเชื่อว่ายอดขายถังแก๊สจะอยู่ที่ 7.3 ล้านใบ หรือเติบโต 30% จากปีก่อน ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจากต่างประเทศ โดยปีนี้บริษัทยังเดินหน้าในการขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศในกลุ่มประเทศแอฟริกา กลุ่มประเทศละตินอเมริกา เป็นต้น ส่วนในเอเชียซึ่งเป็นประเทศส่งออกหลักของบริษัทขณะนี้ก็ยังทำยอดขายได้ตามที่คาดการณ์ไว้
*ออเดอร์Q3ดีต่อเนื่อง
“ตอนนี้ยอดขายของบริษัทเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ยอดขายไตรมาส3 ยังเติบโตต่อเนื่อง ตอนนี้ก็ไม่มีปัจจัยใดที่น่ากังวลมากนัก เพราะช่วงที่ไตรมาส 2/2563 เป็นช่วงที่บริษัทกังวลมากที่สุด แต่สถานการณ์ต่างๆ ก็ได้ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าหากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีก ก็เชื่อว่าทุกคนจะสามารถรับงานได้ นอกจากนี้ยังเดินหน้าในการเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศเพื่อรองรับการเติบโตระยะยาวของบริษัท”นางปัทมา กล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 10-15% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 15.28% โดยบริษัทยังมีการบริหารจัดการต้นทุนในระดับที่ดี อีกทั้งต้นทุนเหล็กก็อยู่ในระดับทรงตัวทำให้การบริหารจัดการเป็นไปตามแผน ส่วนค่าเงินบาทขณะนี้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้เช่นเดียวกัน ส่วนแผนการลงทุนก็เดินหน้าตามแผนงานที่ตั้งไว้ ซึ่งในแต่ละปีบริษัทมีแผนในการปรับปรุงกำลังการผลิตให้มีประสิทธิภาพการผลิตให้เต็มที่
*คาดปีนี้กำไรทำนิวไฮ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SMPC ว่ากำไรปกติงวดครึ่งปีแรก 2563 เติบโต 62.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 359.0 ล้านบาท เกือบเท่าปี 2562ทั้งปีจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.6 ล้านใบจาก 2.8 ล้านใบในครึ่งปีของปี 2562
สำหรับสถานการณ์ปี 2563 เอื้อต่อการทำกำไรของบริษัท ทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจากปีก่อนและราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ทรุดลงเพราะผลจาก COVID-19ซึ่งวัตถุดิบมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่อไปถึงปีหน้าเป็นอย่างน้อย บวกกับลูกค้าในแอฟริกามีความต้องการเพิ่มมากขึ้น คำสั่งซื้อจากอเมริกามีต่อเนื่องจากการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ยังคงตึงเครียด ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขาย 7.3 ล้านใบ 8.4 ล้านใบและ 9.74 ล้านใบในปี 2563-2565 ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโต 30% ในปี2563 และ 15% ต่อปีในปี 2564-2565
*ชูเป้ามหาย 18 บาท
ทั้งนี้คาดกำไรปกติปี 2563 เติบโต 78.4%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 625.8ล้านบาททำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เข้าตลาดฯ และเติบโตต่อเนื่อง เติบโต 13.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 712.7 ล้านบาทในปี 2564 และเป็น 793.0 ล้านบาทในปี 2565 เติบโต 11.3%ประเมินราคาเป้าหมาย 18 บาทอิง PE 14เท่าเท่ากับ +0.5SD ของค่าเฉลี่ย 5ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่า Conservative เพราะความสามารถในการทำกำไรดีกว่าในอดีต แนะนำ “ซื้อ”