APCSดึงพันธมิตรหนุนฐาน ลุยขยายงานเติมแบ็กล็อก
#APCS #ทันหุ้น - APCS ผนึก SUPER หวังเสริมแกร่งธุรกิจ EPC คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2565เป็นต้นไป พร้อม Synergy หนุนขยายตลาด เพิ่มโอกาสการรับงานโดยเฉพาะธุรกิจ EPC มากขึ้นในอนาคต ด้านธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แนวโน้มขยายตัวดี หลังได้พาร์ตเนอร์ TNA อัพฐานตลาด
บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ APCS รายงานว่าบริษัทได้รับแจ้งจากผู้ถือหุ้นจะมีการขายหุ้นของบริษัทให้แก่ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ในสัดส่วนรวม 13.67% หรือประมาณ 90 ล้านหุ้น ที่ราคา 6.65 บาท คิดเป็นมูลค่า 625.26 ล้านบาท โดยภายหลังจากที่ SUPER เข้าซื้อหุ้นแล้วจะมีการส่งตัวแทนเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัท แทนกรรมการเดิม จำนวน 1 ท่าน
พันธมิตรหนุนฐาน
ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี กรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ APCS เปิดเผยว่า การที่ SUPER เข้าซื้อหุ้น APCS ในครั้งนี้หลักๆ เป็นเพราะเล็งเห็นโอกาสและศักยภาพในการเติบโตร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นการ Synergy ธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้างพลังงานทางเลือก (EPC) ทั้งลม แดด และขยะ มองว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจได้มากขึ้น สนับสนุนการขยายตลาด การรับงานโดยเฉพาะธุรกิจ EPC อย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
เบื้องต้นคาดว่าการดำเนินขั้นตอนต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 นี้ และคาดว่าจะเริ่มเห็นการรับงาน EPC จากทาง SUPER เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี ปัจจุบันทาง SUPER มีงานในมือรอทยอยส่งมอบ (Backlog) ราว 20,000 ล้านบาท เบื้องต้นบริษัทก็คาดหวังว่าจะมีส่วนร่วมกับงานในมือในระยะ 2ปีจากนี้ มูลค่ารวมประมาณ 8,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง Green Bitcoin Mining เนื่องด้วยปัจจุบันเครื่อง Minning มีราคาที่ถูกลงกว่าอดีตมาก อีกทั้งด้วยมีพาร์ตเนอร์ที่ทำธุรกิจด้านพลังงานอย่าง SUPER ทำให้มองว่าจะช่วยลดต้นทุนให้กับการขุดบิทคอยน์ได้อย่างมาก ทำให้เป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ เพราะการขุดบิทคอยน์นั้นใช้พลังงานอย่างมหาศาล
ขยายตลาดชิ้นส่วน
สำหรับธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะความเที่ยงตรงสูง (Precision Metal Parts) มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเมื่อต้นปี 2565 บริษัทได้มีการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท เอเชีย พรีซิชั่น เอ.ที. จำกัด (APAT) ที่เป็นบริษัทย่อยในสัดส่วน 40%ให้กับบริษัท ทีเอ็นเอ จำกัด (TNA) ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่มีศักยภาพอย่างมากในภูมิภาคอาเซียนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีความต้องการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในการซ่อมบำรุงจำนวนมาก
ส่วนการลงทุน EV Car นั้น ปัจจุบันบริษัทมีความสนใจในการลงทุนเช่นเดียวกัน เพราะมองว่าเป็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมทั้งในด้านของเทคโนโลยี และเงินลงทุน แต่เบื้องต้นอาจจะเข้าลงทุนในเฟสที่ 2หรือหลังเห็นความชัดเจนด้านนโยบายของภาครัฐ แต่อย่างไรก็ดีในอนาคตสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจ Precision Metal Parts อาจลดลง เนื่องจากการลงทุน EV Car ต้องใช้ทุนที่ค่อนข้างสูงในการเพิ่มเครื่องจักรใหม่รองรับการผลิต
"การที่ SUPER เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ในครั้งนี้ มองว่าจะช่วยสร้างโอกาสในการขยายตลาดและการรับงาน EPC ใหม่ๆ ได้มากขึ้น เพราะปัจจุบัน SUPER ก็มีหลายโครงการลงทุนที่เตรียมจะดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเราก็จะเข้าไปทำหน้าที่ในส่วนนี้ให้ ส่วนธุรกิจผลิตชิ้นส่วน มองว่าปัญหาการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนบางรายการจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น แต่คงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังประกอบอีกครั้ง เพื่อวางแผนงานในอนาคต" ดร.สมโภชน์ กล่าว