'หมอโอภาส' แจง สสจ. เร่งบูสต์วัคซีนโควิด ตั้งเป้าสิ้น ก.พ. ฉีดทะลุ 122 ล้านโดส
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้น เนื่องจากหลายคนไม่อยากเข้ามารับเข็ม 3 ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เน้นย้ำในการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างมาก ฉะนั้น แนวทางตอนนี้คือ เราต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันก็จะหล่นลง ดังนั้น ต้องเข้ามารับวัคซีนกระตุ้น ด้วยข้อมูลที่มียืนยันได้ว่า แม้การติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราป่วยหนักและเสียชีวิตลดลงก็เป็นผลเกี่ยวเนื่องจากวัคซีน ทั้งนี้ ระยะหลังเราพบว่าผู้เสียชีวิตเกิน 90% เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น และเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือรับไม่ครบ
นพ.โอภาส กล่าวว่า โดยปี 2565 เรามีแผนการเร่งฉีดเข็มกระตุ้นให้มากที่สุด ขณะนี้ตัวเลขของคนที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นสะสมที่ 16 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากร ก็ถือว่าไม่น้อย โดยสธ.เน้นย้ำกับทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ดำเนินการฉีดเข็มกระตุ้นตามเป้าหมายที่ ศบค. และสธ.กำหนด จึงขอให้แต่ละจังหวัดสำรวจประชากรที่รับครบ 2 เข็มมีมากน้อยอย่างไร เพื่อเร่งรัดให้มารับเข็มกระตุ้นต่อเนื่อง ดังนั้น เราจึงต้องรอตัวเลขจากแต่ละจังหวัด เนื่องจากคนที่ฉีดครบ 2 เข็มเกิน 3 เดือนก็จะมีระยะเวลาต่างกัน อย่างไรก็ตาม แผนในสิ้นเดือน ก.พ. เราจะฉีดวัคซีนให้สะสมมากกว่า 120-122 ล้านโดส ซึ่งในวันที่ 11 ก.พ. ที่มีการประชุม ศบค. ทางสธ.ก็จะเสนอแผนการบริหารจัดการวัคซีนในเดือน มี.ค. ต่อไป
“เรื่องวัคซีนในพื้นที่ เรามีทุกชนิดอยู่แล้วย้ำว่ามีความจำเป็นที่ต้องฉีดเข็ม 3 โดยเฉพาะกลุ่ม 608” นพ.โอภาส กล่าว
เมื่อถามถึงคนที่รอการฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับวัคซีนรุ่นใหม่ๆ ทางบริษัทผู้ผลิตยังไม่มีการประกาศออกมา ฉะนั้น การรอไม่เป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากการฉีดเข็มกระตุ้น สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ค่อนข้างดี ต่างจากการเริ่มฉีดใหม่ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องรอรุ่นใหม่ ขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนตามกำหนด อย่าได้รอ
“เราพบว่า ฉีดวัคซีน 2 เข็มภูมิคุ้มกันตกตามเวลา แต่ไม่ใช่ว่าฉีด 2 เข็มไม่ดี แต่เพียงว่าภูมิฯ จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เป็นสาเหตุที่เราต้องเข้ามารับวัคซีน เพื่อลดการติดเชื้อ ลดป่วยหนักและเสียชีวิตให้มากขึ้น” นพ.โอภาส กล่าว