รีเซต

"ครม." อนุมัติ งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 2569 วงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท ดัน GDP โตเพิ่ม 0.3%

"ครม." อนุมัติ งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 2569 วงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท ดัน GDP โตเพิ่ม 0.3%
TNN ช่อง16
14 ตุลาคม 2568 ( 15:41 )
14

ครม.อนุมัติ งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 2569 วงเงิน 1.6 ล้านล้านบาท คาดดัน GDP โตเพิ่มอีก 0.3%


นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงินรวมทั้งสิ้น 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงานว่างบลงทุนดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยให้เพิ่มขึ้นได้อีก 0.3%


พร้อมกันนี้ ครม. ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ให้นโยบายรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ในการไปปรับปรุงกฎระเบียบที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการประชาชน โดยให้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็น Customer Centric หรือการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง


โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า การบริการของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ยังเป็นภาระ อุปสรรคกับประชาชน ก็ให้รัฐวิสาหกิจไปแก้ระเบียบให้เรียบร้อย ตลอดจนการไม่ได้รับความสะดวกจากการบริการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจ ขอให้ไปปรับปรุงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 


นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบกรอบแนวทางการวางนโยบายสำหรับปี 2570 ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะได้ไปมอบนโยบายในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 นี้


นายสิริพงศ์ ระบุว่า นายกฯ ได้สั่งการให้ไปปรับระยะเวลา timeline ของกรอบปี 70 หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ให้พยายามทำให้ทันปีงบประมาณ 2570 ไม่ให้เกิดความล่าช้า ซึ่งสำนักงบประมาณ จะรับไปพิจารณา 




ครม.เคาะงบจัดแข่งซีเกมส์-เอเชี่ยนพาราเกมส์


นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ.2568 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ.2568 วงเงินงบประมาณ 455,962,200 บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยประมาณการมูลค่าทางเศรษฐกิจ จำนวน 5,285,000,000 บาท


โดยงบประมาณดังกล่าวจะนำไปใช้ ดังนี้


1.ค่าใช้จ่ายพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน และไฟพระฤกษ์ จำนวน 166,282,000 บาท ดังนี้


– จ้างจัดงานพิธีเปิด-พิธีปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ.2568 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ.2568 จำนวน 147,953,000 บาท


– จ้างจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวิ่งคบเพลิงไฟพระฤกษ์ในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 จำนวน 14,683,500 บาท


– ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสำรวจ/เข้าร่วมพิธีเปิด-ปิด/เข้าร่วมงานการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ฯ/งานพิธีไฟพระฤกษ์ของคณะกรรมการสาขา/คณะทำงาน/เจ้าหน้าที่จำนวน 3,645,500 บาท


2.ค่าใช้จ่ายสาขาการประชาสัมพันธ์ การดำเนินการศูนย์ถ่ายทอดสัญญาณฯ (IBC) จำนวน 30,000,000 บาท


3.ค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างดำเนินการจัดหาที่พัก อาหาร ขนส่ง และค่าซักรีด ของนักกีฬาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากต่างประเทศ จำนวน 259,680,200 บาท



ครม.จัดงบ 264 ล้านบาท เจ้าภาพแข่ง Amazing Thailand Marathon Bangkok 2568-2570


ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) รายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok ประจำปี 2568-2570 (3 ปี) เพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์และค่าภาษีที่เกี่ยวข้องในการจัดการแข่งขันดังกล่าว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 264,352,941.15 บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ


ทั้งนี้ ประเทศไทยจะมีรายได้จากการใช้จ่ายเงินจากผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ผู้ติดตามและผู้ชมการแข่งขัน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางมาร่วมการแข่งขัน ตลอด 3 ปี ไม่น้อยกว่า 3,297 ล้านบาท (ปีละไม่น้อยกว่า 1,099 ล้านบาท) เกิดการว่าจ้างงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ อาสาสมัคร นักเรียนและนักศึกษา ที่จะมาปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ตลอด 6 เดือนก่อนการแข่งขัน ตลอด 3 ปี มากกว่า 21,000 อัตรา (ปีละไม่น้อยกว่า 7,000 อัตรา) 


ในส่วนของมูลค่าด้านการประชาสัมพันธ์ตลอดทั้งโครงการที่ประกอบไปด้วยการถ่ายทอดสดการแข่งขันไปทั่วโลก การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์มคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 870 ล้านบาท (ปีละไม่น้อยกว่า 290 ล้านบาท) ครอบคลุมปีละไม่น้อยกว่า 180 ล้านครัวเรือนทั่วโลก (หรือประมาณ 450 ล้านคนต่อปี) คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่คาดว่าประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ตลอดทั้งโครงการ (3 ปี) เป็นจำนวนทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 4,377 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง