เสียค่าไฟ-ก๊าซ-น้ำมัน กันเท่าไร? เจาะ 3 มาตรการรัฐ ช่วยคนไทยประหยัดกี่บาท?
7 พ.ค. 67 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน 3 มาตรการหลักตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ได้แก่ การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร การคงราคาก๊าซ LPG ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก. และการให้ส่วนลดค่าไฟ 19.05 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นให้แก่ประชาชน
มาตรการลดค่าไฟ 19.05 สตางค์ ช่วยประหยัดได้แค่ไหน?
มาตรการส่วนลดค่าไฟ 19.05 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ถือเป็นความพยายามของรัฐบาลในการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยและครัวเรือนเปราะบาง
ซึ่งจากข้อมูลของการไฟฟ้านครหลวง ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 200 หน่วยต่อเดือน จะมีค่าไฟประมาณ 874.87 บาท หากได้รับส่วนลดตามมาตรการนี้ที่ 19.05 สตางค์ต่อหน่วย จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ 38.10 บาทต่อเดือน หรือ 457.20 บาทต่อปี
ส่วนครัวเรือนที่ใช้ไฟ 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งมีค่าไฟเฉลี่ยราว 1,369.11 บาท จะได้รับส่วนลด 57.15 บาทต่อเดือน หรือ 685.80 บาทต่อปี ซึ่งถือเป็นเงินจำนวนที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวที่มีรายได้จำกัด
ซึ่งจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงในบ้าน มีสัดส่วนเฉลี่ยราว 20-21% ของค่าใช้จ่ายครัวเรือนทั้งหมด
ดังนั้น มาตรการลดค่าไฟนี้จะช่วยประหยัดได้ราว 1-1.5% ของค่าใช้จ่ายครัวเรือนต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่สูงมากนัก
ความเหลื่อมล้ำจากการกำหนดเพดานการใช้ไฟ
การจำกัดมาตรการส่วนลดค่าไฟเฉพาะครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน อาจก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ที่ได้รับส่วนลดกับผู้ที่ใช้ไฟเกินเพดาน แม้ว่าเป้าหมายของมาตรการจะต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
แต่ในความเป็นจริง ครัวเรือนที่ใช้ไฟเกินเพดานซึ่งไม่ได้รับส่วนลด ก็อาจประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิก 6-7 คน แม้มีรายได้ไม่สูงนัก แต่ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยที่มาก ทำให้ใช้ไฟเกินเพดานได้ง่าย ต้องจ่ายค่าไฟในอัตราปกติ
ขณะที่ครอบครัวเล็กที่มีรายได้สูงกว่าแต่ใช้ไฟน้อย กลับได้รับส่วนลด การกำหนดเกณฑ์ตามปริมาณการใช้ไฟเพียงอย่างเดียว จึงอาจไม่สามารถระบุกลุ่มเปราะบางที่แท้จริงได้ครอบคลุมและแม่นยำ
ตรึงราคาน้ำมันดีเซล 33 บาท: รอรับผลเมื่อราคาน้ำมันขึ้น!
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จะยังไม่มีผลในทางปฏิบัติ เพราะราคาในปัจจุบันก็ยังต่ำกว่าเพดานราคาอยู่แล้ว ประชาชนและผู้ประกอบการจึงยังไม่ได้ประหยัดเพิ่มขึ้น จากมาตรการนี้ในทันที
อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเกิน 33 บาทต่อลิตร มาตรการนี้จะเริ่มช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้น้ำมันดีเซล ยกตัวอย่างเช่น
- คุณ A ขับรถยนต์ดีเซล โดยเฉลี่ยเติมน้ำมัน 50 ลิตรต่อเดือน ถ้าราคาน้ำมันในตลาดขึ้นไปถึง 35 บาทต่อลิตร แต่คุณ A ยังสามารถเติมในราคา 33 บาท จะทำให้ประหยัดไป 100 บาทต่อเดือน (35 - 33 = 2 บาท/ลิตร, 2 x 50 ลิตร = 100 บาท)
- รถบรรทุก 10 ล้อ อาจใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ย 1,000 ลิตรต่อเดือน ถ้าราคาขายจริงเพิ่มไปถึง 36 บาท แต่จ่ายในราคา 33 บาท จะช่วยให้บริษัทขนส่งประหยัดได้ถึง 3,000 บาทต่อเดือนต่อคัน (36 - 33 = 3 บาท/ลิตร, 3 x 1000 ลิตร = 3,000 บาท)
จะเห็นได้ว่า มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลนี้ จะมีประโยชน์ต่อเมื่อราคาตลาดเพิ่มสูงขึ้นจนเกินเพดานราคา 33 บาท ยิ่งส่วนต่างของราคาตลาดกับราคาที่ถูกตรึงไว้มากเท่าไหร่ ผู้ใช้น้ำมันดีเซลก็จะยิ่งประหยัดมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนในระยะสั้นที่ราคาดีเซลยังไม่สูงมาก ประชาชนอาจยังไม่เห็นผลประหยัดชัดเจนนัก แต่ก็เป็นการสร้างหลักประกันว่าจะไม่ต้องเผชิญค่าน้ำมันที่สูงเกินไป หากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนมากขึ้นในอนาคต
มาตรการตรึงราคาก๊าซ LPG 423 บาท: รอรับผลเมื่อราคาพุ่ง!
มาตรการตรึงราคาก๊าซ LPG ที่ระดับ 423 บาทต่อถัง 15 กก. จะช่วยให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการที่ต้องใช้ก๊าซ LPG ในชีวิตประจำวัน สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับกรณีที่ราคาก๊าซปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด
ยกตัวอย่างเช่น หากราคาตลาดของก๊าซ LPG อยู่ที่ 450 บาทต่อถัง ผู้ใช้ก๊าซ 1 ถังต่อเดือนจะประหยัดได้ 27 บาท ส่วนผู้ใช้ 2 ถังต่อเดือนจะประหยัดได้ 54 บาท เป็นต้น ซึ่งอาจดูเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่หากราคาตลาดสูงกว่านี้มาก เช่น 500 บาทต่อถัง ผู้ใช้จะประหยัดได้ถึง 77 บาทต่อถัง หรือ 924 บาทต่อปี สำหรับผู้ใช้งานรายเดือน
นอกจากครัวเรือนทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงงาน หรือธุรกิจที่ต้องใช้ก๊าซ LPG ปริมาณมาก ก็จะได้รับประโยชน์จากการตรึงราคานี้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ช่วยลดต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้จะมีประสิทธิภาพในการช่วยประหยัดมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับระดับราคาตลาดของก๊าซ LPG ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับราคาที่ถูกตรึงไว้ด้วย ถ้าหากราคาตลาดไม่ได้สูงกว่าราคาตรึงมากนัก ประชาชนอาจจะยังไม่รู้สึกถึงผลประหยัดชัดเจนมากนัก
มาตรการลดพลังงาน 3 แกน: ดีจริงหรือไม่?
จากมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทั้ง 3 มาตรการของรัฐบาล ได้แก่ การลดค่าไฟฟ้า การตรึงราคาน้ำมันดีเซล และการตรึงราคาก๊าซ LPG จะเห็นได้ว่า แม้จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและผู้ประกอบการได้ในระดับหนึ่ง
แต่ผลประหยัดที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับระดับราคาตลาดของพลังงานแต่ละประเภทที่ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ยิ่งราคาตลาดสูงมากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับราคาที่ถูกตรึงไว้ ประชาชนก็จะยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
ส่วนการกำหนดเพดานการใช้ไฟฟ้าเพื่อให้ได้รับส่วนลดนั้น อาจยังไม่สามารถระบุกลุ่มเปราะบางได้อย่างครอบคลุมและแม่นยำนัก
ดังนั้น รัฐบาลจึงควรพิจารณาปรับปรุงการกำหนดเกณฑ์ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้นในระยะต่อไป เพื่อให้การช่วยเหลือตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
เรียบเรียง ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN
แหล่งที่มา:
เศรษฐา ทวีสิน. นายกรัฐมนตรีแถลงมาตรการลดค่าครองชีพ. การใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือนไทย
ศูนย์สถิติพลังงาน กระทรวงพลังงาน. 2566
การไฟฟ้านครหลวง / การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ