#ภควัตจัดให้!! "GGC" มีอะไรในกอไผ่ ?
"ภควัต พิสุทธิพันธุ์"ผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ ลูกค้ารายย่อย บล.ซีจีเอสซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวกับ “ทันหุ้น” ว่า "GGC" ถือเป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายลง และการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากทางภาครัฐ รวมไปถึงราคาน้ำมันปาล์มที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การเติบโตในระยะยาวสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ทำให้การลงทุน GGC มีความน่าสนใจ
- คาดบริษัทจะประกาศงบไตรมาส 4/64 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี โดยมีแนวโน้มเติบโตทั้ง QoQ และ YoY มีปัจจัยสนับสนุนจากราคา Fatty Alcohol ที่สูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ หลัง supply โดยเฉพาะในจีนที่ลดน้อยลง รวมถึงอานิสงค์บวกจากความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รวมถึง Inventory gain
- ในส่วนของราคาขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Glycerine ที่เพิ่มสูงขึ้น ยังเป็นอีก 1 ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสนี้ ขณะที่ประเด็นความกังวลในเรื่องที่กบง. ให้ปรับลดสัดส่วนการใช้ B100 ผสมในน้ำมันดีเซลบางชนิดในช่วงเดือนธันวาคม 64 - มีนาคม 65 จะกระทบต่อกำไรของบริษัทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (น้อยกว่า 1%)
- ปี 65 ผู้บริหารคาดผลการดำเนินงานเติบโต YoY ตามปริมาณความต้องการใช้ Biodiesel และ Fatty Alcohol (FA) ที่เพิ่มสูงขึ้น หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง นอกจากนั้นบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการรุกเข้าหากลุ่มลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้อานิสงค์บวกจากการรับรู้รายได้จากโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 1 เพื่อผลิตเอทานอลกำลังการผลิต 600,000 ลิตร/วัน ที่น่าจะเริ่ม COD ในช่วงไตรมาส 1/65
- ราคาหุ้นมี upside เพิ่มเติมจากโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 2 ที่ร่วมกับกลุ่ม KTIS และ Nature Works คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 67 ซึ่งโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ของภาครัฐที่ต้องการให้ไทยเป็น Bio Hub ของเอเชียภายในปี 2570
- ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ 2565PE 24.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวย้อนหลังในอดีตที่ 25.5 เท่า
- กราฟราคาหุ้นมีแนวรับ 13.50 - 13.60 บาท แนวต้าน 14.80 - 15.30 บาท (Stop loss ถ้าหลุด 13.00 บาท)
.