โลกจ่ายแพงวิกฤตโลกร้อน ปี 68 ภัยพิบัติถล่มทั่วโลก เสียหายนับล้านล้านบาท!

รายงานประจำปีขององค์กรการกุศล Christian Aid ระบุว่า ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงที่สุด 10 อันดับแรกของโลกในปี พ.ศ. 2568 ได้สร้างความเสียหายรวมมากกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 4.2 ล้านล้านบาท ในส่วนของความเสียหายที่มีการประกันภัยเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนความสูญเสียที่แท้จริง ทั้งชีวิต การอพยพ และการสูญเสียอาชีพ ยังไม่สามารถประเมินได้ทั้งหมด

รายงานชี้ว่า พายุไซโคลนและน้ำท่วมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงฤดูปลายปี คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,750 คน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 875,000 ล้านบาท ขณะที่ไฟป่าครั้งรุนแรงในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ก็มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400 คน และสร้างความเสียหายสูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท

ส่วนอุทกภัยครั้งใหญ่ในจีน ซึ่งทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพ ถูกจัดเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากเป็นอันดับ 3 ของปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 420,000 ล้านบาท และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คน

Christian Aid ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนเพียงความเสียหายที่มีการประกันภัย ซึ่งมักพบในประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้น ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนามักเผชิญ “ต้นทุนที่มองไม่เห็น” มากกว่า ทั้งเรื่องของการสูญเสียชีวิต บ้านเรือน และอนาคตของผู้คนจำนวนมหาศาล

“โจแอนนา เฮก” ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านฟิสิกส์บรรยากาศ จากวิทยาลัยอิมพีเรียล ลอนดอน ระบุว่า เหตุการณ์รุนแรงเหล่านี้มักถูกเรียกรวมว่าเป็น “ภัยธรรมชาติ” ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นผลโดยตรงจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์ก่อขึ้น “โลกกำลังจ่ายราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จากวิกฤตที่เรารู้วิธีแก้ไขอยู่แล้ว ภัยพิบัติเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการขยายตัวของเชื้อเพลิงฟอสซิลและความล่าช้าทางการเมือง” เธอกล่าว

ด้าน “โมฮาเหม็ด อาโดว์” ผู้อำนวยการสถาบัน Power Shift Africa ชี้ว่า ในขณะที่ประเทศร่ำรวยสามารถคำนวณต้นทุนความเสียหายเป็นตัวเงินได้ แต่ผู้คนในแอฟริกา เอเชีย และแคริบเบียน กำลังนับจำนวนชีวิต บ้าน และอนาคตที่สูญเสียไป พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมแก่ผู้ที่อยู่แนวหน้าของวิกฤต

รายงานยังระบุถึงภัยพิบัติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกตลอดปี 2568 ไม่ว่าจะเป็นพายุไต้ฝุ่นในฟิลิปปินส์ที่ทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 1.4 ล้านคน และสร้างความเสียหายราว 5 175,000 ล้านบาท ภัยแล้งในอิหร่านที่คุกคามประชากรกว่า 10 ล้านคน ในกรุงเตหะราน น้ำท่วมในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและไนจีเรีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 700 คน รวมถึงน้ำท่วมในอินเดียและปากีสถานที่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,860 คน และสร้างความเสียหายประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 210,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ประเทศพัฒนาแล้วก็ไม่รอดพ้นจากผลกระทบ โดยคาบสมุทรไอบีเรียเผชิญไฟป่าครั้งรุนแรง แคนาดาประสบภัยแล้งหนัก และสกอตแลนด์เผชิญคลื่นความร้อนทำสถิติสูงสุด

Christian Aid เตือนว่า ค่าใช้จ่ายจากภัยพิบัติสภาพอากาศจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากโลกยังไม่เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล พร้อมชี้ว่า แม้การประชุมโลกร้อน COP30 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล จะมีข้อตกลงเพิ่มเงินช่วยเหลือประเทศยากจนเป็น 3 เท่า ไปสู่ระดับ 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี พ.ศ. 2578 แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรับมือกับผลกระทบที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกปัจจุบัน