รีเซต

วัคซีน 100 ล้านโดส 5 ธ.ค.ส่อวืด! ปลัดสธ. ยันเต็มที่แล้ว จ่อบูสต์กลุ่มไขว้เร็วๆ นี้

วัคซีน 100 ล้านโดส 5 ธ.ค.ส่อวืด! ปลัดสธ. ยันเต็มที่แล้ว จ่อบูสต์กลุ่มไขว้เร็วๆ นี้
มติชน
30 พฤศจิกายน 2564 ( 15:12 )
60
วัคซีน 100 ล้านโดส 5 ธ.ค.ส่อวืด! ปลัดสธ. ยันเต็มที่แล้ว จ่อบูสต์กลุ่มไขว้เร็วๆ นี้

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ถึง 120 ล้านโดส ตามนโยบายใหม่ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ว่า ขณะนี้การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในไทย เฉลี่ย 4-5 แสนราย ถือว่ามาก พยายามทำให้ไทยมีภูมิคุ้มกันสูงที่สุด ตามที่รัฐมนตรีว่าการ สธ.คาดไว้ 120 ล้านโดส

 

“จากการนับจำนวนโดส ซึ่งเป็นทั้งเข็มที่ 3 หรือเข็มที่ 4 ด้วย เป็นสิ่งที่เราจะทำ แต่เราก็คิดว่า หากได้ ร้อยละ 70-75 ขึ้นไป ก็พอใจแล้ว ทั้งนี้ จังหวัดที่ฉีดมากกว่าร้อยละ 74 มี 20 จังหวัด ฉีดได้ ร้อยละ 60-69 มี 25 จังหวัด ฉีดได้ ร้อยละ 50-59 มี 29 จังหวัด ยกเว้น แม่ฮ่องสอน ฉีดได้ ร้อยละ 45.24 อาจเป็นพื้นที่เฉพาะ แต่ในอำเภอเมืองฉีดได้สูงแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจังหวัดที่ฉีดได้น้อย พบว่า มีการไปฉีดในจังหวัดใหญ่กว่า ที่ได้วัคซีนไปในช่วงระบาดมาก ทั้งนี้ จังหวัดต่างๆ มีการฉีดวัคซีนที่คาดว่าตัวเลขต่ำกว่าฉีดจริง ซึ่งเราจะมีการเคลียร์ข้อมูลจากหมายเลขบัตรประชาชน ดังนั้น จะมีตัวเลขรายจังหวัดออกมา บางจังหวัดก็อาจปรับขึ้นและลงได้ เช่น กรุงเทพมหานคร ฉีดกว่า ร้อยละ 113 ในจำนวนนี้ ก็อาจมีคนในพื้นที่ จ.นนทบุรี เข้ามาฉีดด้วย ประเทศไทยเราดี ค่อนข้างไวในการตอบสนอง ช่วงที่วัคซีนมีมากชนิด เราก็เพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนด้วยการไขว้ ซึ่งทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่า มีประสิทธิภาพเพียงพอ ส่วนเข็มที่ 3 เราเป็นประเทศแรกๆ 1 ใน 5 ของโลก เมื่อภูมิลด เราก็ฉีดเพิ่ม” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

 

ปลัด สธ. กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะแถลงผลการตรวจหาภูมิคุ้มกันในคนไทย ซึ่งเป็นการตรวจด้วยวิธีละเอียดรายจังหวัด เพื่อดูว่าคนไทยมีภูมิฯ อย่างไร เช่น ฉีด 70 คน อาจมีภูมิฯ ที่ 80 คน ก็ได้ เพราะบางส่วนก็มีการติดเชื้อไปแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงเป้าหมายการฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2564 นพ.เกีบริตภูมิ กล่าวว่า คาดว่าไม่น่าจะถึง เพราะประชาชนหลายคนได้รับวัคซีนแล้ว โดย สธ. เข้าไปรณรงค์ในชุมชน เดินทางเข้าฉีดวัคซีน ไปในพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงจริงๆ บางครั้งไปฉีดได้แค่ 5-10 คน ปัจจุบันประเทศไทยฉีดวัคซีนในกลุ่มคนไทยแล้วจำนวนมาก เป็นเข็มที่ 1 กว่าร้อยละ 72 ซึ่งนายกรัฐมนตรีอยากให้ได้ถึงร้อยละ 75 คาดว่าในสิ้นปีนี้ ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดครอบคลุมมากกว่ากว่าร้อยละ 60 ขอความร่วมมือประชาชนทุกฝ่ายไปฉีดวัคซีน ซึ่งย้ำว่ามีวัคซีนมากพอ

 

“ไม่ใช่ว่าไม่ได้เป้าแล้วแย่ เพราะ 100 ล้านโดส แต่ทำได้ 95 ล้านโดส เราก็ทำกันเต็มที่แล้ว ถ้าตัดเกรด ก็ได้เกรด A แล้ว ซึ่งตัวเลข 100 ล้านโดส ก็คืออยากให้ได้ดีที่สุด” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

 

เมื่อถามถึงความพร้อมในการฉีดบูสเตอร์ โดส สำหรับประชาชนในปีนี้ หากพบว่าสายพันธุ์โอไมครอนมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การบูสเตอร์ โดส จะฉีดด้วยวัคซีนไฟเซอร์ และแอสตร้าเซนเนก้า โดยวัคซีนไฟเซอร์ปีนี้สั่งมา 30 ล้านโดส ฉีดในเด็กนักเรียนแล้ว 4.3 ล้านคน รวมเกือบ 10 ล้านโดส คาดว่าเหลือ 20 ล้านโดส ส่วนแอสตร้าฯ มีอีก 20 ล้านโดส ถือว่าเหลือเฟือ แต่ไม่อยากให้นึกว่าวัคซีนเป็นปัจจัยเดียว เช่น จีนที่ฉีดเชื้อตาย แต่การติดเชื้อน้อย เพราะมีมาตรการป้องกันเข้มงวดมาก และยังต้องกักตัว 21 วันขึ้นไป

 

ต่อข้อถามถึงการบูสเตอร์ โดส เข็มที่ 3 ให้สำหรับกลุ่มผู้รับวัคซีนสูตรไขว้ด้วย เข็มที่ 1 ซิโนแวค และตามด้วยเข็มที่ 2 แอสตร้าฯ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้น การฉีดเข็มกระตุ้นจะห่างออกไป 6 เดือน แต่กำลังหารือกับ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าจะลดเหลือ 4 เดือน ได้หรือไม่ เพราะอย่างกรณีฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ก็อยู่ที่ 4 เดือนครึ่ง ดังนั้น อีก 1-2 สัปดาห์ ก็อาจจะเปิดให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับผู้รับสูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ ขอให้ประชาชน ติดตามประกาศจาก สธ.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลการฉีวัคซีนในไทย ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ฉีดสะสม 92,658,390 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 48.07 ล้านโดส คิดเป็น ร้อยละ 66.7 ของจำนวนประชากร ส่วนเข็มที่ 2 ฉีด 41.21 ล้านโดส คิดเป็น ร้อยละ 57.2 และเข็มที่ 3 ฉีด 3.37 ล้านโดส คิดเป็น ร้อยละ 4.7 ส่วนข้อมูลการฉีดเฉพาะวันที่ 29 พฤศจิกายน ฉีดทุกเข็ม รวม 297,973 โดส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง