ใช้จ่ายเทศกาลกร่อย หลังปีใหม่เตรียมรับแรงกระแทก สินค้ารอปรับราคาขึ้นเพียบ
ข่าววันนี้ นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า บรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2564 ต้อนรับปีใหม่ 2565 ดูไม่ได้คึกคักมากเท่าที่ควร เนื่องจากโครงการกระตุ้นของรัฐบาลอย่างคนละครึ่ง ได้สิ้นสุดการดำเนินโครงการแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้คนส่วนใหญ่เร่งใช้จ่ายผ่านคนละครึ่งให้หมดก่อนหมดเวลาใช้ได้ รวมถึงปีใหม่ถือเป็นเทศกาลที่คนเดินทางกลับบ้านมากที่สุด จึงเห็นคนกระจายตัวไปใช้จ่ายในต่างจังหวัดมากขึ้น ความคึกคักตามเมืองหลักจึงไม่ได้มากเท่าที่ควร บวกกับมีการระบาดโควิด-19 โอมิครอนเกิดขึ้น ทำให้เกิดความกังวลในการเดินทาง ถือเป็นความกดดันที่เข้ามารบกวน
“การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ แม้เป็นเทศกาล แต่หากไม่มีโครงการรัฐบาลเข้ามาช่วยกระตุ้น การจับจ่ายใช้สอยจะนิ่งมากกว่านี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังระมัดระวังในการใช้จ่ายอยู่ โดยเฉพาะคนระดับรากหญ้า ที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่ของประชากรรวม โดยประเมินโครงการช้อปดีมีคืน ที่รัฐออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ประเมินว่าช้อปดีมีคืนถือเป็นโครงการของคนในอีกชนชั้นหนึ่ง ถือเป็นผู้มีรายได้มากในระดับที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว แต่ผู้ที่เสียภาษีถือเป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้แม้ช้อปดีมีคืนจะช่วยกระตุ้นได้ แต่ก็ได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มากเท่าที่ควร สะท้อนจากทุกครั้งที่ออกมา งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เคยถูกใช้จนหมด” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือ หลังจากปีใหม่ผ่านไป มีกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคเตรียมปรับราคาขึ้นหลายรายการ อาทิ เครื่องปรุงรส ที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีการปรับราคาขึ้นบ้างแล้ว อย่างกระป๋อง สารปรุงแต่งรสชาติ รวมถึงอาหารทะเล ที่คาดว่าจะปรับราคาแรงขึ้น เนื่องจากขณะนี้เราไม่มีแรงงานในการออกหาของทะเล เนื่องจากแรงงานส่วนมากเป็นต่างด้าว และเดินทางกลับประเทศต้นทาง หลังเกิดการระบาดโควิด ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่าสถานการณ์จะรุนแรวและชัดเจนขึ้น หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้น คนกลับมาจับจ่ายใช้สอย และกล้าใช้เงินมากขึ้น เมื่อมีความต้องการ (ดีมานด์) เพิ่มสูงขึ้น แต่สินค้า (ซัพพลาย) หาไม่ทัน หรือมีไม่เพียงพอ จะยิ่งทำให้ของแพงขึ้นอีก
นายสมชาย กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในปี 2565 จะปรับตัวดีขึ้นมากน้อยเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลจะมีเงินเข้ามาเติม เพื่อช่วยเหลือเพิ่มอีกอย่างไร เนื่องจากเศรษฐกิจในขณะนี้ ธุรกิจไม่สามารถฟื้นด้วยตัวเองได้ ต้องมีการกระตุ้นเข้ามาช่วยดึงบรรยากาศในภาพรวมขึ้น หลังจากนั้นภาคธุรกิจจะทยอยฟื้นตัวตาม ซึ่งหากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นออกมาช้า เศรษฐกิจก็จะฟื้นช้าตามไปด้วย ขณะที่มาตรการในการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนทั่วไปนั้น มองว่ามาตรการที่ออกมา ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มของทุนใหญ่ เห็นเม็ดเงินออกมาวูบเดียวแล้วก็หายไป ไม่ได้หมุนเวียนหลายรอบแบบที่ควรจะเป็น เนื่องจากประเทศไทยมีนายทุนใหญ่ครอบธุรกิจจนหมดทุกอย่างแล้ว ทำให้เงินเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของคนไม่กี่คน จึงอยากให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นร้านค้าขนาดเล็กมากขึ้น ช่วยเรื่องความสามารถในการแข่งขัน อาทิ การช่วยเรื่องภาษี ให้กล้าเสียภาษีได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจได้