รีเซต

ทองคำพุ่ง 9 สัปดาห์ ผลตอบแทนพุ่ง67% ยังไปต่อได้อีก

ทองคำพุ่ง 9 สัปดาห์ ผลตอบแทนพุ่ง67%  ยังไปต่อได้อีก
TNN ช่อง16
20 ตุลาคม 2568 ( 11:42 )
10

ทองคำพุ่งติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 ผลตอบแทนทองคำปีนี้ พุ่งแตะ 67% ยังไปต่อได้อีก!? 

สัปดาห์นี้ติดตามความเคลื่อนไหวสงครามการค้าสหรัฐ - จีน

Gold Bullish

    ความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ

    ธนาคารกลางและกองทุนเข้าซื้อทองคำ

    การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฟด

Gold Bearish

    ความตึงเครียดสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน ลดลง

    ความตึงเครียดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ลดลง

ผลตอบแทนทองคำปีนี้ พุ่งแตะ 67% ราคาทองคำโลกปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 เพิ่มขึ้น +233 ดอลลาร์ ราว 5.8% ทำ All-time High 4,380.7 ดอลลาร์ ก่อนจะเผชิญแรงขายทำกำไรรุนแรง ส่งผลให้เกิดความผันผวนเกือบ 200 ดอลลาร์ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาปรับลงทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 4,186 ดอลลาร์ แต่ฟื้นตัวปิดตลาดที่ 4,250.9 ดอลลาร์ ซึ่งแรงขายครั้งนี้สะท้อนถึงตลาดที่เริ่มผ่อนคลายความกังวลต่อความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ – จีน แต่ยังคงมองว่า การปรับฐานครั้งนี้ “ไม่ได้แปลว่าทองคำจะกลับเข้าสู่ขาลง” แรงซื้อและปัจจัยสนับสนุนยังคงพร้อมผลักดันราคาทองให้คงความร้อนแรงต่อไป

ทรัมป์ส่งสัญญาณผ่อนคลายสงครามการค้า ยอมรับภาษีศุลกากรต่อจีน “ไม่ยั่งยืน” สร้างแรงบวกต่อตลาดโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้ากับจีน หลังยอมรับว่าอัตราภาษีศุลกากรในระดับสูงที่สหรัฐใช้ตอบโต้จีน “ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว” ซึ่งช่วยคลายความวิตกของตลาดต่อการยกระดับสงครามการค้า ทรัมป์กล่าวว่า มาตรการภาษีเหล่านี้ “อาจอยู่ได้ชั่วคราว แต่ไม่ยั่งยืน” พร้อมอธิบายว่าการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะสถานการณ์บังคับมากกว่าความตั้งใจ โดยยืนยันว่ารัฐบาลยังเปิดช่องสำหรับการเจรจา แม้ก่อนหน้านี้จะเพิ่งประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีก 100% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เพื่อโต้ตอบต่อการที่จีนออกมาตรการควบคุมการส่งออก “แร่หายาก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

ขณะเดียวกัน สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่จะขยายระยะเวลาการชะลอการเก็บภาษีศุลกากร เพื่อเปิดทางให้การเจรจากับจีนเดินหน้า ขณะที่ทรัมป์ยืนยันว่าเขาจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสิ้นเดือนนี้ และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะ “หาทางออกที่ดีร่วมกันได้” อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังคงเปราะบาง จีนตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการคว่ำบาตรบริษัทขนส่งจากเกาหลีใต้ที่ดำเนินธุรกิจในอเมริกา และกล่าวหาว่าสหรัฐฯ “สร้างความตื่นตระหนก” จากการควบคุมแร่หายาก ท่ามกลางความตึงเครียดที่ทั้งสองฝ่ายยังคงประเมินผลกระทบแตกต่างกัน

การยอมรับของทรัมป์ว่าภาษีในระดับสูง “ไม่ยั่งยืน” ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก เพราะสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ และจีนอาจกลับมาเจรจาประนีประนอมได้ในระยะอันใกล้ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามาอย่างยาวนาน 

ทรัมป์เตรียมพบปูตินรอบ 2 หวังยุติสงครามยูเครน แต่ถูกวิจารณ์ว่าอาจทำลายแรงกดดันต่อรัสเซีย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังเตรียมจัดประชุมรอบที่สองกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย หลังการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่อลาสกาไร้ข้อตกลง โดยทรัมป์ระบุว่าการพบปะครั้งใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อ “นำสันติภาพกลับคืนสู่ยูเครน” ซึ่งเขาเคยกล่าวอ้างว่าสามารถยุติสงครามได้ภายในวันเดียว อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวทางการเมืองในสหรัฐฯ มองว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจลดแรงกดดันต่อปูติน หลังทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้าในการยุติสงครามของรัสเซีย

การพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูติน ซึ่งกินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงเมื่อวันพฤหัสบดี เกิดขึ้นก่อนการพบปะระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในวันศุกร์ เซเลนสกีเดินทางสู่กรุงวอชิงตันด้วยความหวังที่จะขอขีปนาวุธครูซพิสัยไกล “โทมาฮอว์ก” จากสหรัฐฯ เพื่อโจมตีเป้าหมายพลังงานและน้ำมันลึกในรัสเซีย แต่การประชุมกลับไม่ประสบผลในเรื่องนี้ โดยทรัมป์ระบุชัดเจนว่า สหรัฐฯ ยังต้องการเก็บอาวุธดังกล่าวไว้ใช้เอง พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติสงครามและยอมรับแนวรบปัจจุบัน เพื่อหลีกเลี่ยงความซับซ้อนและสถานการณ์ที่ควบคุมยาก ส่วนเซเลนสกีระบุเพียงว่าการประชุมเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งมอบขีปนาวุธ ขณะที่หลายชั่วโมงต่อมา ทรัมป์ย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นในการยึดแนวรบที่มีอยู่

ฝ่ายวิจัยด้านยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศเตือนว่า การจัดประชุมรอบใหม่กับปูตินในบูดาเปสต์อาจกลายเป็น “การซื้อเวลา” ของรัสเซีย เพื่อชะลอการส่งอาวุธและเลื่อนมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงยุโรปมองว่าปูตินอาจใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างแรงได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ ส่วนศาสตราจารย์เซอร์เกย์ แรดเชนโก จากสถาบันนโยบายระหว่างประเทศ ระบุว่าการที่ทรัมป์ตกลงพบปูตินอีกครั้งถือเป็น “ความเสี่ยงสูง” เพราะครั้งก่อนก็ไม่ก่อให้เกิดข้อตกลงใด ๆ

ทั้งนี้ สถานที่จัดประชุมที่บูดาเปสต์ยังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากหลายประเทศในยุโรป เนื่องจากนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย และยังคงพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียสูง ซึ่งขัดกับท่าทีของยุโรปส่วนใหญ่ที่พยายามลดการพึ่งพาพลังงานรัสเซียหลังการรุกรานยูเครน แหล่งข่าวจากยุโรปเตือนว่าหากการประชุมครั้งใหม่นี้ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม อาจเปิดโอกาสให้ปูตินใช้เวทีดังกล่าวสร้างภาพลักษณ์ว่าตนยังควบคุมสถานการณ์ได้ และบิดเบือนประเด็นให้โลกเห็นว่าเขาเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่าในสงคราม

ชัตดาวน์สหรัฐฯ เตรียมเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3

ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมเผชิญภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ กำลังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 โดยตลาดคาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะปิดทำการ (Government Shutdown) มากกว่า 30 วัน อยู่ที่ 82% ขณะที่คาดการณ์น้อยกว่า 30 วัน เพียง 18% ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ที่ดำเนินมาแล้วสองสัปดาห์ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สูญเสียผลผลิตสูงสุดถึงสัปดาห์ละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นั่นหมายความว่า หากชัตดาวน์สหรัฐฯ ยิ่งยืดยาว จะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงมากขึ้น

แนวโน้มราคาทอง

แม้ราคาทองโลกจะปรับตัวลงแรงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ภาพทางเทคนิคราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบทิศทางขาขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากกองทุน SPDR ที่เข้าซื้อเพิ่มขึ้น 30.05 ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

นักลงทุนรายย่อยยังคงมีภาวะ FOMO (Fear Of Missing Out) อยู่ แต่ควรระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยแนวรับสำคัญระยะสั้นอยู่ที่ 4,140–4,185 ดอลลาร์ ซึ่งตรงกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA50 ของกราฟราย 4 ชั่วโมง (ซึ่งยังไม่เคยหลุดลงมานับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 68) ดังนั้นนักลงทุนที่ถือสถานะซื้อควรพิจารณา Stop Loss หากราคาทองหลุด 4,140 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับจิตวิทยาและจุดต่ำสุดของแท่งเทียนในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 4,385 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมในสัปดาห์ที่ผ่านมา หากสามารถผ่านระดับนี้ไปได้ ราคาทองอาจทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 4,500 ดอลลาร์

สำหรับทองคำแท่งในประเทศ แนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมเมื่อราคาปรับตัวลงมาที่ 65,500 บาท โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 65,000 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 67,400 บาท และ 69,150 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง