หอการค้าสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง “ทรัมป์” ปมขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B กระทบต้นทุนพุ่ง

หอการค้าสหรัฐฯ ยื่นฟ้องคัดค้านคำสั่ง “ทรัมป์” เหตุขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ชี้ใช้อำนาจเกิดขอบเขต กระทบต้นทุนพุ่ง
หอการค้าสหรัฐฯ (U.S. Chamber of Commerce) ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจ 300,000 แห่ง ได้ยื่นฟ้องคัดค้านคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B สำหรับแรงงานต่างชาติที่มีทักษะสูง
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่หอการค้าสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อรัฐบาลทรัมป์ นับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีวาระที่ 2 ในเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยหอการค้าระบุในคำฟ้องว่า การที่ทรัมป์ประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าประเภทดังกล่าวในเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และจะขัดขวางระบบวีซ่าอันซับซ้อนที่สภาคองเกรสกำหนดขึ้น
โครงการ H-1B อนุญาตให้นายจ้างในสหรัฐฯ จ้างแรงงานต่างชาติในสาขาเฉพาะทาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทเทคโนโลยีต่างก็ต้องพึ่งพาแรงงานที่ได้รับวีซ่า H-1B เป็นอย่างมาก โครงการนี้ออกวีซ่าจำนวน 65,000 ใบต่อปี และมีอีก 20,000 ใบสำหรับแรงงานที่มีวุฒิการศึกษาสูง ซึ่งอนุมัติให้พำนักได้ 3-6 ปี
หอการค้าสหรัฐฯ ระบุในคำฟ้องที่ยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า ค่าธรรมเนียมนี้จะบีบให้ธุรกิจที่ต้องพึ่งพาโครงการ H-1B ต้องเลือกระหว่างการเพิ่มต้นทุนแรงงานอย่างมาก หรือจ้างแรงงานที่มีทักษะสูงน้อยลง พร้อมระบุว่า ธุรกิจหลายรายที่เป็นสมาชิกของหอการค้ากำลังเตรียมรับมือกับความจำเป็นในการลดขนาดหรือถอนตัวออกจากโครงการ H-1B ทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อนักลงทุน ลูกค้า และพนักงานเดิมของธุรกิจเหล่านี้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมที่บริษัทต่าง ๆ ต้องจ่ายเพื่อสนับสนุนผู้สมัครวีซ่า H-1B จากเดิมหลักพันดอลลาร์เป็น 100,000 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันการใช้โครงการนี้แทนที่แรงงานอเมริกัน และเพื่อคัดเลือกเฉพาะบุคลากรทักษะสูงที่มีความจำเป็นจริง ๆ
การประกาศดังกล่าว กำหนดให้ผู้ถือวีซ่า H-1B สามารถเข้ามาทำงานในอาชีพเฉพาะทางได้ก็ต่อเมื่อมีการชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว โดยข้อจำกัดนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2568 เป็นต้นไป
สำหรับออกวีซ่า H-1B สำหรับผู้ยื่นขอรายใหม่ปีละ 85,000 ใบ โดยบริษัททั่วไปจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงไม่กี่พันดอลลาร์ต่อราย แต่มาตรการใหม่นี้จะทำให้ต้นทุนการจ้างแรงงานต่างชาติพุ่งสูงขึ้น
โดยทรัมป์ได้กล่าวในพิธีลงนามที่ทำเนียบขาวในวันดังกล่าวว่า อ้างว่าการปรับค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะกระตุ้นให้บริษัทหันมาจ้างแรงงานอเมริกันแทน เพราะไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่ม
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ระบุว่า นโยบายนี้จะกระทบต่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Microsoft และ Google ที่พึ่งพาโครงการ H-1B มายาวนาน โดยเฉพาะตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ขณะที่ CBS เตือนว่า มาตรการนี้อาจส่งผลให้บริษัทอเมริกันย้ายงานไปต่างประเทศมากขึ้น และอาจทำให้จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เลือกเรียนในสหรัฐฯ ลดลงด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
