รีเซต

วิกฤต! 4 ภาคไทยเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าถล่ม 4-11 มิ.ย.นี้

วิกฤต! 4 ภาคไทยเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าถล่ม 4-11 มิ.ย.นี้
TNN ช่อง16
2 มิถุนายน 2567 ( 16:47 )
60
วิกฤต! 4 ภาคไทยเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าถล่ม 4-11 มิ.ย.นี้

ประเทศไทยเผชิญความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่ม 4-11 มิถุนายนนี้


ในช่วงวันที่ 4-11 มิถุนายน 2567 ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่มในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน 4 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก หากท่านอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ควรตรวจสอบและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น


ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่ม

สาเหตุหลักของการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่มในช่วงนี้ มาจากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ น้ำฝนที่ตกสะสมเป็นปริมาณมาก จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่ม


พื้นที่เสี่ยงภัยที่ต้องเฝ้าระวัง

จากการวิเคราะห์ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงภัยที่ต้องเฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่มใน 25 จังหวัด ครอบคลุม 4 ภูมิภาค ดังนี้

- ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ ขอนแก่น และอุดรธานี

- ภาคตะวันออก: จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

- ภาคตะวันตก: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี


การเตรียมพร้อมรับมือของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ควรติดตามข้อมูลสภาพอากาศและคำเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่มที่อาจเกิดขึ้น อาทิ จัดเตรียมถุงทรายกั้นน้ำ ย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และวางแผนเส้นทางอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย หากสถานการณ์รุนแรงและได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ ให้รีบอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยทันที


บทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ สทนช. มีบทบาทสำคัญในการติดตามสถานการณ์ ประเมินความเสี่ยง และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้า นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ผ่านการจัดเตรียมบุคลากร เครื่องมือ และยานพาหนะให้เพียงพอและพร้อมใช้งาน


บทสรุป

สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าถล่มที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4-11 มิถุนายนนี้ ถือเป็นความเสี่ยงที่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 4 ภูมิภาคของประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ การเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และเตรียมพร้อมรับมืออย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการติดตามข้อมูล ประสานงาน และให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง