เปิดสาเหตุ “ฝนถล่มอาเซียน” ทำไมปี 68 หนักที่สุดในรอบหลายปี?

ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาในภูมิภาคเตือนว่า สถานการณ์ฝนหนัก น้ำท่วม และพายุที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปีนี้ เป็นผลจากการซ้อนทับของปรากฏการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้งลานีญา ภาวะไดโพลในมหาสมุทรอินเดียฝั่งลบ และอุณหภูมิมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นจากภาวะโลกร้อน ทำให้รูปแบบฝนผิดปกติและรุนแรงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ความเสี่ยงอาจลากยาวถึงต้นปี 2569
“ปีนี้ฤดูฝนแปลกกว่าทุกปี”
ด้าน “ฟาม ที ทัน งา” ผู้อำนวยการสถาบันอุตุนิยมวิทยา อุทกวิทยา และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเวียดนาม ระบุว่า ปรากฏการณ์ “ลานีญา” ซึ่งเกิดจากน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางเย็นลง ยังปรากฏชัดเจนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ไม่รุนแรงเท่าปีก่อน แต่ก็เพียงพอที่จะเสริมแรงฝนมรสุมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนเมื่อเกิด ควบคู่กับ “ภาวะไดโพลอินเดียที่มีค่าเป็นลบ” ซึ่งทำให้ผิวน้ำทะเลใกล้อินโดนีเซียอุ่นตัว ดึงความชื้นเข้าสู่ภูมิภาคมากขึ้น และก่อให้เกิดฝนตกหนัก “ปรากฏการณ์สองอย่างนี้โดยปกติไม่ค่อยเกิดจุดสูงสุดพร้อมกัน เพราะพัฒนาจากคนละมหาสมุทร แต่ปีนี้กลับเกิดพร้อมกันจนกลายเป็นสูตรที่สมบูรณ์แบบให้ฝนหนักผิดปกติ” ดังกล่าว
แม้น้ำในแปซิฟิกตอนกลางเย็นลง แต่ทะเลจีนใต้และทะเลฟิลิปปินส์กลับอุ่นผิดปกติ ทำให้ปริมาณความชื้นสูงและกลายเป็นเงื่อนไขเอื้อต่อพายุฝนทั่วภูมิภาค
ภาวะโลกร้อนซ้ำเติมพายุให้รุนแรงขึ้น
ปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยอุณหภูมิโลกสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมราว 1.55°C ตามข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ปัจจัยนี้ทำให้บรรยากาศกักเก็บไอน้ำได้มากขึ้น และปลดปล่อยออกมาในรูปของฝนหนัก
ด้าน “เฟรโดลิน ถังกัง” ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย ระบุว่า “เมื่ออากาศอุ่นขึ้น ความชื้นจะเพิ่มขึ้น และความชื้นนั้นคือเชื้อเพลิงของฝนหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งหมด”
“เซลินา ไซตอน อิบราฮิม” รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปุตรามาเลเซียเสริมว่า ระบบภูมิอากาศไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เชื่อมโยงกับอุณหภูมิของภูมิภาคกว้างขึ้น เช่น จีนและออสเตรเลีย ซึ่งกำหนดทิศทางลมมรสุมที่จะพัดผ่านคาบสมุทรมลายู
ลานีญาอาจยืดเยื้อถึงต้นปี 2569 ทำให้ฝนยังผิดปกติ
ลานีญาถูกคาดการณ์ว่าจะต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า ทำให้ความเสี่ยงของฝนหนักผิดปกติยังคงอยู่ แม้รูปแบบฝนอาจไม่สม่ำเสมอ ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาเฉพาะกิจอาเซียน (ASMC) คาดว่าปริมาณฝนในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ คาบสมุทรมลายู และหลายพื้นที่ในแผ่นดินใหญ่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะยังสูงกว่าค่าปกติในช่วง 2–3 เดือนข้างหน้า
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ภูมิภาคกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วไม่ใช่เรื่อง “หายาก” อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นความปกติใหม่ (new normal)
พายุอาจไม่เพิ่มจำนวน แต่รุนแรงมากกว่าเดิม
ผู้อำนวยการ “งา” ระบุว่า “เวลาที่ชุมชนมีไว้เตรียมตัวน้อยลงเรื่อย ๆ หลายคนยังประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าความเป็นจริง” ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่า แม้จำนวนไต้ฝุ่นอาจไม่เพิ่มขึ้น แต่ความรุนแรงของพายุมีแนวโน้มทวีขึ้น ปริมาณฝนจะกระจายไม่สม่ำเสมอ และเหตุการณ์รุนแรงจะเกิดถี่กว่าเดิม ทำให้ระบบพยากรณ์อากาศของหลายประเทศถูกกดดันอย่างหนัก
ศาสตราจารย์ถังกังระบุว่า รัฐบาลควรเร่งลงทุนในมาตรการปรับตัว ทั้งการอัปเกรดคลอง–ท่อระบายน้ำ การเพิ่มพื้นที่ธรรมชาติสำหรับกักเก็บน้ำ การป้องกันชายฝั่ง การพัฒนาระบบพยากรณ์อากาศอัจฉริยะ และการเสริมศักยภาพชุมชนให้พร้อมรับมือ
ประเด็น “การปรับตัว” เป็นหัวข้อสำคัญที่การประชุม COP30 ซึ่งประเทศสมาชิกเห็นชอบให้เพิ่มเงินทุนด้านนี้เป็น 3 เท่า ภายในปี 2578 แต่ความไม่ชัดเจนในรายละเอียดทำให้หลายประเทศกำลังพัฒนายังคงรู้สึกผิดหวัง
รายงานเตือนว่า หากไม่มีการลงทุนเชิงรุก ความเสี่ยงจากฝนหนัก น้ำท่วม และพายุรุนแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป
_____
#TNNEARTH #พายุลูกใหม่ #หาดใหญ่ #ช่องแคบมะละกา #สงขลา #น้ำท่วม #ภาคใต้น้ำท่วม #โลกร้อน #พายุหมุนเขตร้อน #ฝนระเบิด #มาเลเซีย #อินโดนีเซีย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
