ส่องสเปกจากข่าวลือ Apple Watch Ultra 2 ที่อาจจะมา 12 กันยายนนี้ !?
จากกระแสข่าวล่าสุดที่มีการประกาศว่าจะมีการเปิดตัวไอโฟน 15 (iPhone 15) ในวันที่ 12 กันยายนนี้ ทาง TNN Tech ยังพบว่า สื่อต่างประเทศได้รายงานความเป็นไปได้ในการเปิดตัวแอปเปิลวอตช์ อัลตรา ทู (Apple Watch Ultra 2) สมาร์ตวอตช์สายถึกรุ่นใหม่ในวันเดียวกันด้วย
สาเหตุที่ข่าวนี้มีความเป็นไปได้ เนื่องจากปกติในวันเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ทางแอปเปิล (Apple) มักจะมีการเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ในวันเดียวกัน ดังนั้น TNN Tech จึงสรุปข้อมูล ข่าวลือ และความเป็นไปได้ทั้งหมดของ Apple Watch Ultra 2 ในบทความนี้
สรุปสเปก Apple Watch Ultra 2 ตามข่าวลือ
นอกจากข่าวลือเกี่ยวกับวันเปิดตัว Apple Watch Ultra 2 แล้ว TNN Tech ได้รวบรวมข้อมูลที่รายงานตรงกันในสื่อต่างประเทศทั้งหมด ดังนี้
สีและสายนาฬิกา Apple Watch Ultra 2 แบบใหม่ โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวสีที่ชื่อว่าแบล็ก ไทเทเนียม (Black Titanium) ซึ่งเป็นสีโทนเข้มกว่าสีเดิมที่มีในปัจจุบัน พร้อมเปิดตัวสายนาฬิกาแบบใหม่ 3 รูปแบบ อิงแนวโน้มจากประวัติการเปิดตัว Apple Watch รุ่นก่อนหน้า
Apple Watch Ultra 2 อาจเปิดตัวขนาด 45 มม. หลังจากรุ่นปัจจุบันที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมามีการขายเพียงขนาด 49 มิลลิเมตร เพียงขนาดเดียว แต่อาจจะเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
หน้าจอ Apple Watch Ultra 2 แบบใหม่ จะใช้จอแบบมินิแอลอีดี (miniLED) ซึ่งทำให้หน้าจอสว่างมากขึ้น รองรับการทำงานแบบเปิดตลอดเวลา (Always-on Display) ได้ดีขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง
Apple Watch Ultra 2 จะได้ชิปใหม่ ที่ชื่อว่า Apple S9 ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการทำชิป A15 bionic ซึ่งเดิมใช้กับ iPhone 13 และ iPhone 14 Series
แบตเตอรี่ Apple Watch Ultra 2 จะทนทานขึ้น ถ้าหากได้หน้าจอใหม่และชิปแบบใหม่ตามที่ลือ จะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาการใช้งานยาวนานขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้มีการปรับขนาดแบตเตอรี่ก็ตาม
น้ำหนัก Apple Watch Ultra 2 จะน้อยลง เนื่องจากมีข่าวลือว่าชิ้นส่วนหลายชิ้นภายใน Apple Watch Ultra 2 จะใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) เพื่อลดต้นทุนและน้ำหนักลง
และทั้งหมดนี้คือข้อมูลสเปกที่ลือว่าจะมีการเปิดตัว Apple Watch Ultra 2 ในวันที่ 12 กันยายนนี้ และนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์จาก Apple ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่การเปิดตัว Apple Watch 1st Generation ในวันที่ 24 เมษายน 2015
ที่มาข้อมูล Phone Arena, Forbes