ยศชนันท์ เปิดวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ชูเศรษฐกิจใหม่จากรากฐาน

ยศชนันท์ วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ TNN ถึงบทบาทใหม่บนเส้นทางการเมืองระดับประเทศ ท่ามกลางโจทย์ใหญ่ทั้งเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ เสถียรภาพทางการเมือง และการปรับตัวของไทยในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ยศชนันท์ยอมรับว่า การก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาพร้อมความกดดันและความคาดหวังสูง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปิดใจรับฟังและทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เขามองว่าปัญหาประเทศในปัจจุบันมีความซับซ้อน ไม่มีใครเก่งที่สุด การนำพาประเทศเดินหน้าได้ต้องอาศัยการรวมพลัง ความรู้ และประสบการณ์จากทุกฝ่าย
ต่อประเด็นการถูกจับตามองในฐานะทายาทการเมือง ยศชนันท์ระบุว่าไม่อาจปฏิเสธที่มาของตนเองได้ แต่สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าคือโอกาสในการเรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดในอดีต เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินซ้ำในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยมีคลังนโยบายและองค์ความรู้จำนวนมาก ซึ่งบางส่วนเคยหยุดชะงักจากความไม่ต่อเนื่องทางการเมือง และสามารถนำกลับมาปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทปัจจุบันได้
ยศชนันท์อธิบายถึงแนวคิดการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมองว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ด้านวิศวกรรมหรือเทคโนโลยีขั้นสูง แต่รวมถึงสังคมศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม การนำองค์ความรู้พื้นฐานมาประยุกต์ใช้กับสิ่งที่ไทยมีอยู่แล้ว เช่น อาหาร การแพทย์แผนไทย ดนตรี และการท่องเที่ยว จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ สร้างรายได้ใหม่ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
ในมิติเศรษฐกิจ ยศชนันท์ชี้ว่าหากได้บริหารประเทศ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเสริมความแข็งแรงให้กับรากฐาน โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า เกษตรกร และผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด การช่วยเหลือต้องไม่ใช่เพียงการประคองระยะสั้น แต่ต้องทำให้ประชาชนสามารถฟื้นตัวและยืนได้ด้วยตนเอง ผ่านการแก้หนี้ ลดรายจ่าย และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงงานและรายได้
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยมุ่งสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ควบคู่กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยศชนันท์มองว่าไทยมีจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของเอเชีย การพัฒนาโลจิสติกส์และซัพพลายเชนจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก พร้อมสร้างการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาทักษะแรงงาน และแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่
สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ยศชนันท์เน้นว่าหัวใจสำคัญคือหลักนิติธรรม ตั้งแต่รัฐธรรมนูญที่มีที่มาจากประชาชน ระบบยุติธรรมที่เป็นธรรม ไปจนถึงความมั่นคงของประเทศ และความรับผิดชอบต่อประเด็นระดับโลก เช่น การลดก๊าซเรือนกระจกและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งไทยไม่อาจแยกตัวออกจากประชาคมโลกได้
ในประเด็นการเมือง ยศชนันท์ระบุว่า การทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่นไม่มีเงื่อนไขตายตัว สิ่งสำคัญคือการมีวิสัยทัศน์ประเทศร่วมกัน พรรคการเมืองทำหน้าที่กำหนดทิศทาง ออกกฎหมายที่เอื้อให้ประชาชนและภาคธุรกิจทำงานได้ง่ายขึ้น และเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพาประเทศเดินหน้า
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
