รีเซต

คลังจี้ธปท.ออกมาตรการการเงินหนุนเงินเฟ้อปี 68 ใกล้ค่ากลาง 2% หนุนจีดีพีโต 3% บวกลบ

คลังจี้ธปท.ออกมาตรการการเงินหนุนเงินเฟ้อปี 68 ใกล้ค่ากลาง 2% หนุนจีดีพีโต 3% บวกลบ
ทันหุ้น
29 ตุลาคม 2567 ( 16:39 )
14

คลังเห็นชอบกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายปี 68 ที่ 1-3% พร้อมจี้ธปท.ออกมาตรการการเงิน”อัตราดอกเบี้ย-อัตราแลกเปลี่ยน-แก้ไขหนี้ครัวเรือน”เพื่อหนุนอัตราเงินเฟ้อให้ได้ใกล้ค่ากลาง 2% เพื่อสนับสนุนจีดีพีให้เติบโตที่ 3% บวกลบ

 

#ทันหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพื่อกำหนดกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายในปี 2568ว่า กระทรวงการคลังไม่ขัดข้องที่ธปท.จะกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในระดับ 1-3% แต่ขอให้ธปท.กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งเรื่องของดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับค่ากลางที่ 2% เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ

 

“ที่ผ่านมา เราอาจจะมีปัญหาเรื่องภาวะเศรษฐกิจเติบโตไม่สูง แต่ภาครัฐอยากเห็นการเติบโตที่สูง แม้วันนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นมา แต่เราคงจำได้ก่อนที่รัฐบาลจะมา จีดีพีเติบโตที่ 1.9-2% แต่ปีนี้ น่าจะโต 2.7% บวกลบ โตจากปีที่ผ่านมา 35% แต่ปีต่อไป ผมก็ดูว่า ถ้าเราเดินได้ตามปกติ เราน่าจะเห็นตัวเลข 3% บวกลบได้ อย่างไรก็ตาม อะไรที่ปรับเปลี่ยนได้ เราก็ต้องทำให้ดีขึ้น”

 

เขากล่าวว่า เมื่อเราอยากเห็นเศรษฐกิจเติบโต ทางธปท.ก็เข้าใจในเจตนาและนโยบายของรัฐบาล เพราะนโยบายของธปท.โดยเฉพาะนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ก็มีจุดประสงค์เหมือนกัน คือ การออกนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนนโยบายของเศรษฐกิจรัฐบาล ฉะนั้น การหารือในวันนี้ ก็มีความชัดเจนในเรื่องนี้ นอกจากนี้ สิ่งที่เราอยากเห็น คือ การดูแลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ก็ทำข้อตกลงกัน

 

 

“ผมไม่ว่าอะไร ไม่ว่าเงินเฟ้อจะเป็น 1.5% หรือ 3.5% ถ้าของจริงออกมาแล้วต่ำกว่า 1% ก็ค่าเท่ากัน ซึ่งที่จริงแล้ว สำหรับผมนั้น รับได้ ถ้าเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 1-3% แต่ทั้งนี้ ธปท.และกนง.ต้องมีมาตรการสนับสนุนการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ ซึ่งเราก็ยอมรับ ถ้าทำให้เงินเฟ้อไปอยู่ในระดับเหมาะสมใกล้เคียงกับค่ากลางเช่น 2% เป็นต้น”

 

อย่างไรก็ดี ถ้าอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า 1% ทางธปท.ก็ช่วยกำหนดมาตรการอื่น เพื่อให้มันขึ้นไปหน่อยได้ไหม ทีนี้มาตรการก็มาไล่ดู คือ อะไร แน่นอนการเติบโตของเศรษฐกิจต้องการการลงทุน ซึ่งรัฐบาลก็ผลักดันอยู่แล้ว ปัจจัยที่จะผลักดันการลงทุน คือ เรื่องของดอกเบี้ย ธปท.ก็จะรู้ว่า จะต้องเดินนโยบายดอกเบี้ยอย่างไร แต่ต้องดูปัจจัยต่างประเทศด้วย

 

 

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังก็ยอมรับกับธปท.ว่า ถ้าดอกเบี้ยลดลง คนลงทุน คนทำงานก็ยังทำไม่เต็มที่ เพราะคนลงทุน คนทำงานก็เป็นคนเก่า มีภาระหนี้เดิมอยู่ ฉะนั้น ก็ต้องแก้ไขปัญหาหนี้สิน จะต้องบูรณาการแก้ไขให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ ถ้าเราแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้อยู่ระดับเหมาะสม แปลว่า โอกาสที่คนลงทุนจะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการลงทุน แน่นอน ดอกเบี้ยก็จะลดลงเอง สภาพคล่องก็จะมาเอง เงินเฟ้อก็จะสูงขึ้น ราคาสินค้าก็จะสูงขึ้นหน่อย วันนี้ ก็คุยกันลงตัว

 

อีกด้านที่ฝากธปท.คือ อย่าลืมว่า ภาคการลงทุนบ้านเราธรรมชาติ คือ หลายอย่างเราพึ่งพาตลาดในประเทศ 70% ส่งออก 30% บางอย่างพึ่งพาการส่งออกถึง 50% ดังนั้น บ้านเราจึงชอบอัตราแลกเปลี่ยนที่สามารถแข่งขันได้ แปลว่า มาตรการใดใดต้องดูให้ครบ

 

“ต่อไปนี้ จะดูเรื่องเงินเฟ้อ ก็ใช่ แต่ว่า ต้องมีมาตรการประกอบ ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการสนับสนุนการลงทุน อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน การแก้หนี้ การกำกับธนาคาร เพื่อสนับสนุนการลงทุน ก็จะออกมาเป็นแพคเกจ คนปล่อยสินเชื่อก็ปล่อยได้ ฉะนั้น ก็ยืนยันในหลักการนี้ก่อน ทางธปท.ก็จะไปเกลามาดูว่า ข้อที่เราเห็นด้วยบนหลักการนี้เสนอมาอีกที เพื่อเสนอครม.ก็เข้าใจว่า เราจะคุยรอบเล็กอีกครั้ง จากนั้น ก็เสนอครม.ภายในสิ้นปีนี้”

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง