SCGPชี้ไตรมาส2โตต่อ เล็งM&Pอัพแกร่งธุรกิจ

#SCGP #ทันหุ้น – SCGP แย้มแนวโน้มไตรมาส 2/2568 ฟอร์มแจ่ม จากความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น หนุนออเดอร์สูงขึ้น แถมย้ำเป้าอิบิทดาปีนี้แตะ 1.8 หมื่นล้านบาท รับฐานธุรกิจโตคุมเข้มต้นทุน พร้อมอัดงบลงทุน 1.3 หมื่นล้านบาท ลุย M&P เสริมแกร่ง
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานในไตรมาส 2/2568 น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 1/2568 เนื่องจากทิศทางความต้องการ (ดีมานด์) บรรจุภัณฑ์ขยายตัว ส่งผลให้ภาพรวมปริมาณคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ขยับสูงขึ้น สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2568 ทาง SCGP ยังคงเป้าหมายกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA : อีบิทดา) ไว้ที่ระดับ 18,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการปรับกลยุทธ์การบริหารเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
*ลงทุนต่อยอดธุรกิจ
นอกจากนี้ ทาง SCGP มีแนวทางทุ่มงบลงทุนราว 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในลักษณะต่างๆ อาทิM&P ฯลฯ อยู่ที่ราว 8,000-10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรองรับการซ่อมบำรุงและปรับปรุง (รีโนเวต) ธุรกิจเดิมในส่วนต่างๆ หวังเสริมศักยภาพการดำเนินงานของธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนสนับสนุนการเติบโตในอนาคตต่อไป
ขณะที่ปีนี้ในแง่ของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจนั้นทาง SCGP เน้นดำเนินงานผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยกลยุทธ์ที่ 1 จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในกลุ่มประเทศอาเซียน โฟกัสการขายที่ตลาดภายในประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสร้างการเติบโตในสินค้าเชื่อมโยงกับผู้บริโภครวมถึงการเพิ่มโอกาสเข้าตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูงอย่าง Healthcare Supplies
พร้อมกันนี้คงทำควบคู่ไปกับกลยุทธ์ที่ 2 คือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน การปรับปรุงต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานผ่านเทคโนโลยี Data Analytic และ Artificial Intelligence (AI) ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและลดต้นทุนในปี 2568 ได้ประมาณ 600 ล้านบาท
และกลยุทธ์ที่ 3 คือ การพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ลูกค้ารวมถึงการพัฒนากระบวนการ และบริการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างความแตกต่างเพื่อเพิ่มมูลค่าและความสามารถทำกำไร ซึ่งยังได้มีการตั้งงบประมาณและค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ คิดเป็น 1% โดยประมาณของรายได้ในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมและโซลูชันคิดเป็น 37% ของรายได้รวม
และ กลยุทธ์ที่ 4 นั้นเป็นการมุ่งดำเนินงานตามกรอบ ESG และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองคาร์บอนฟุตพรินต์ โดยวางเป้าหมายเพิ่มการใช้พลังงานทางเลือกเป็น 39%ในปี 2568
*สตอรีเด่นเป้า 16 บ.
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SCGP ให้ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท หลังบริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนลดลงและอุปสงค์ฟื้นตัว ทั้งนี้ แม้ว่ากำไรในไตรมาส 1/2568 จะลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่การดำเนินกลยุทธเชิงรุก การกระจายความเสี่ยง การมุ่งเน้นตลาดในประเทศ และการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวดได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพดี
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ทางฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มกำไรปี 2568-2570F ขึ้น 6-13% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 16.00 บาท สะท้อนถึงอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่แข็งแกร่งและต้นทุนการเงินต่ำลง การที่ความเสี่ยงด้านการค้าที่คลี่คลายลงและ Valuation ยังต่ำกว่าคู่แข่งรายอื่นSCGP จึงมองเป็นโอกาสในการลงทุน