สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุรอบใหม่ จับตาศึกศาลโลก-การทูตสองขั้ว

ไทย-กัมพูชาความสัมพันธ์ตึงเครียดหลังเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค. กัมพูชายื่นศาลโลกชี้ขาดข้อพิพาท 4 พื้นที่ ขณะที่ไทยย้ำใช้สันติวิธี
แรงกระเพื่อมใหม่ชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อเข้าสู่ปีที่ครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา หลายฝ่ายต่างคาดหวังถึงความร่วมมือที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้าแรงงาน และการพัฒนาชายแดน แต่ความขัดแย้งในพื้นที่ทับซ้อนกลับปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยมีจุดเริ่มต้นที่ชายแดนบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารทั้งสองประเทศ ฝ่ายไทยระบุว่าเป็นการลาดตระเวนตามแนวเดิมภายในอาณาเขตตนเอง แต่ฝ่ายกัมพูชากลับมองว่าเป็นการรุกล้ำ พร้อมกล่าวหาว่าทหารไทยเปิดฉากยิงก่อน ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตหนึ่งนาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พื้นที่นี้ตกอยู่ในภาวะตึงเครียด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการใช้กำลังที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ
ศึกคำพูดและยุทธศาสตร์การทูต
ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ยืนยันว่าไทยยังคงยึดมั่นในสันติวิธี พร้อมใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และช่องทางทางการทูตเพื่อป้องกันความรุนแรงเพิ่มเติม ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าวในแถลงการณ์ประณามการกระทำของไทยว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงและอธิปไตย พร้อมประกาศยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ณ กรุงเฮก เพื่อขอให้วินิจฉัยข้อพิพาทในพื้นที่ 4 จุดหลักที่เคยมีประวัติความขัดแย้งมาแล้ว ได้แก่ มุมเบ็ย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตากรเบย
การเลือกใช้ช่องทางศาลโลกของกัมพูชาแทนเวที JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน กลายเป็นสัญญาณชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาไม่เชื่อมั่นในกระบวนการหารือทวิภาคีอีกต่อไป และมุ่งหวังให้เวทีนานาชาติเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทเหล่านี้
สถานการณ์ภาคสนามและการเตรียมพร้อม
แม้ทั้งสองประเทศจะยืนยันว่าไม่มีแผนปะทะเพิ่มเติม แต่พื้นที่ชายแดนยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียด กองทัพไทยมีการจัดกำลังเสริมพร้อมยุทโธปกรณ์ครบมือ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาก็ตรึงทหารและเริ่มอพยพประชาชนในบางพื้นที่ มีการรายงานว่าทั้งสองฝ่ายเฝ้าตรวจการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณจุดยุทธศาสตร์ใกล้แหล่งประวัติศาสตร์และแนวทับซ้อนทางภูมิศาสตร์
รัฐบาลไทยโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางลงพื้นที่อุบลราชธานีเพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์ พร้อมย้ำว่าหากการเจรจาไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ไทยพร้อมใช้มาตรการขั้นสูงสุด เช่น การปิดด่านหรือประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่จำเป็น โดยให้แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ตัดสินใจในภาวะฉุกเฉิน
สัญญาณแห่งความหวังท่ามกลางความไม่แน่นอน
แม้ความสัมพันธ์ทางทูตระหว่างไทยและกัมพูชาจะเผชิญบททดสอบครั้งใหญ่จากข้อพิพาทล่าสุด แต่ผู้นำของทั้งสองประเทศยังคงยืนยันว่าเจตนารมณ์ในการรักษาสันติภาพและความร่วมมือยังคงมีอยู่ และกลไกต่างๆ ทั้งทางการทูต การทหาร และการเมืองภายในประเทศจะต้องทำหน้าที่ร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม
การประชุม JBC ที่ยังมีนัดในวันที่ 14 มิถุนายน จึงยังไม่ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการจากฝ่ายไทย และกลายเป็นหมากสำคัญที่หลายฝ่ายจับตา ว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของการหันหน้าคุยกัน หรือเป็นเพียงเงาของความพยายามก่อนเข้าสู่ศาลโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
