นายกฯ ส่งกำลังใจทหาร - ย้ำไทยไม่ได้เริ่ม “กัมพูชา” ต้องหยุดก่อน

นายกฯ ส่งกำลังใจทหาร ย้ำไทยไม่เริ่มขัดแย้งชายแดน รอท่าทีกัมพูชาหยุดยิงจริง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ส่งกำลังใจถึงกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน โดยระบุว่า “ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทหารหาญที่ปกป้องแผ่นดินให้พวกเราครับ”

รัฐบาลย้ำไทยยึดหลักสากล ปฏิบัติการเฉพาะพื้นที่ทหาร

ท่าทีของรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มต้นความขัดแย้ง และยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศในการปฏิบัติการทางทหาร โดยดำเนินการเฉพาะในพื้นที่ทางทหารและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพื้นที่พลเรือน พร้อมระบุว่า การหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้ กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน และต้องเป็นการหยุดยิงที่เกิดขึ้นจริง มีความต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงถ้อยแถลงทางการเมือง

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังย้ำว่ากัมพูชาต้องให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในพื้นที่ชายแดน

กลาโหมยังไม่ยืนยันอาวุธที่ยึดได้ อยู่ระหว่างตรวจสอบ

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า อาวุธที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยึดมาได้นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันชนิดหรือที่มาได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยอาวุธทั้งหมดอยู่ในความดูแลของกองทัพ ซึ่งตามกฎบัตรระหว่างประเทศ สิ่งที่ยึดได้ถือเป็นทรัพย์สินของฝ่ายที่ยึด สามารถนำไปใช้หรือทำลายได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อน

ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ไม่กำหนดกรอบเวลาแก้ปัญหา

พล.อ.ณัฐพล กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์อพยพแห่งหนึ่งในจังหวัดสระแก้ว ว่า รัฐบาลและกองทัพติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมมีพัฒนาการตามลำดับ แต่ยังจำเป็นต้องใช้เวลาในการคลี่คลายสถานการณ์อย่างรอบคอบ ฝ่ายไทยไม่กำหนดกรอบเวลาในการแก้ไขปัญหา เพื่อไม่สร้างแรงกดดันให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน

ชี้การหยุดยิงขึ้นอยู่กับกัมพูชา ต้องถอนกำลังทั้งหมด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า การหยุดยิงขึ้นอยู่กับท่าทีของฝ่ายกัมพูชาเป็นหลัก โดยต้องแสดงความชัดเจนในการยุติการเป็นปฏิปักษ์อย่างเปิดเผย ขณะที่ปัจจุบันยังพบว่ากัมพูชามีการเสริมกำลังเข้ามาในแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง และมีพฤติกรรมคุกคามประเทศไทย ส่งผลให้สถานการณ์มีแนวโน้มยืดเยื้อ

หากกัมพูชาหยุดการเสริมกำลังและถอนกำลังที่เผชิญหน้าออกจากแนวปะทะทั้งหมด จึงจะถือว่าสิ้นสุดการเป็นปฏิปักษ์ ซึ่งแตกต่างจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มีข้อตกลงให้ถอนเฉพาะอาวุธหนักเท่านั้น

ย้ำกัมพูชายังยิงเข้าฝั่งไทยทุกวัน ไร้การติดต่อโดยตรง

พล.อ.ณัฐพล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีอ่อนลง และยังมีการยิงเข้ามาในฝั่งไทยเป็นประจำทุกวัน แม้รัฐบาลกัมพูชาจะระบุว่าต้องการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีและต้องการหยุดยิง แต่พฤติกรรมในพื้นที่กลับสวนทางกับคำกล่าว ทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถวางใจได้ถึงความจริงใจในการยุติการสู้รบ

ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่มีการติดต่อโดยตรงจากฝ่ายกัมพูชา แม้จะมีประเทศที่สามประมาณ 3–4 ประเทศ แสดงความประสงค์เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา